posttoday

ธรรมะรับปีจอ ว่าด้วยสุนัขชั้นดี 8 ประการ

14 มกราคม 2561

หลายครั้งในชีวิต มีใครทำอะไรผิด หรือมีเรื่องราวชีวิตที่แย่ๆ หลายคนก็เปรียบเปรยเรื่องนั้นๆ ด้วยคำเกี่ยวโยงถึงหมา

โดย พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ & ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา & ประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี

หลายครั้งในชีวิต มีใครทำอะไรผิด หรือมีเรื่องราวชีวิตที่แย่ๆ หลายคนก็เปรียบเปรยเรื่องนั้นๆ ด้วยคำเกี่ยวโยงถึงหมา ทั้งๆ ที่บางครั้งหมาก็ไม่ได้ทำผิดพลาดอะไรขนาดนั้น เช่น หมาหมู่ หมาลอบกัด หมาจนตรอก หมาสองนาย หมาวัด หมาขี้เรื้อน ปากหมา ชิงหมาเกิด หมาไม่ทาน เล่นกับหมาๆ เลียปาก หรือหมาเห่าใบตองแห้ง เป็นต้น

ด้วยปีนี้เป็นปีจอ จึงชวนญาติโยมเห็นเรียนรู้ธรรมะของน้องหมา เพราะเป็นสัตว์ที่ใกล้ชิดกับคนมากที่สุด ด้วยนิสัยของเขาที่มีลักษณะเด่นต่างจากสัตว์อื่น ปีนี้ "ชีวิตจะมีสุข" ใช้ชีวิตให้เหมือนสุนัขชั้นดี 8 ข้อ

1.กินง่าย : เจ้าของจะหาอะไรให้กิน หมาก็กินตามที่เจ้าของฝึกให้กิน แต่หากเจ้าของฝึกให้กินยาก หมาก็กินยาก ชีวิตใดที่กินง่ายๆ ด้วยหลักโบราณว่า "กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นยา กินกล้วยน้ำหว้าประจำ" จักมีอายุวัฒนะ ใช้ชีวิตให้เหมือนคำพระที่ว่า "สุภโร" เป็นพลังไม่เป็นภาระใคร ย้อนดูชีวิตเรา "ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกที่จะรู้ว่าเราไม่กินต้นหอม เราไม่กินกระเทียม เราไม่กินหมูสามชั้น ก็มีเพียงแม่ครัวคนเดียวที่ชื่อว่าแม่เท่านั้นที่รู้ใจ สามีที่ดี ภรรยาที่งาม ลูกหลานที่น่ารัก อย่าทำตัวเป็นคนกินยาก เหมือนสามีคนหนึ่งกลับมาจากทำงานเห็นกับข้าวก็บ่น "น้ำพริกอีกแล้ว ตำอย่างนี้หมายังไม่กิน" ภรรยาจึงสวนขึ้น "หมาบ้านแม่คุณพี่กินน้ำพริกเหรอค่ะ"

2.นอนง่าย : หลายครั้งที่นอนไม่หลับเพราะเราพักแต่ไม่ยอมผ่อน ซื้อเตียงนอนได้เป็นหมื่น แต่นอนแล้วก็ไม่สดชื่น เพราะยังไม่ลืมเรื่องที่เจ็บใจ ชีวิตหมากินอิ่มก็เดินหาที่นอน เอาเท้ากวาดๆ พื้น ดมๆ กลิ่นรู้ว่าถิ่นเราก็ล้มตัวนอน นอนตรงไหนก็หลับเพราะไม่ครุ่นคิดเรื่องทุกข์ใจ ในทางพระพุทธศาสนามีหลักธุดงค์อยู่ข้อหนึ่งว่า "การอยู่โคนไม้เป็นนิตย์" เราท่านลองเปลี่ยนชีวิตไปนอนตาม โคนไม้บ้าง ชายนาบ้าง เสื่อผืนหมอนใบบ้างอาจจะหลับสบายใจ แต่อย่างไรประตูก็ล็อกไม่ลง พ่อแม่ก็ไม่หลับ ถ้าลูกยังไม่กลับเข้าบ้าน อยากให้ท่านนอนง่าย กลับบ้านกันเถอะลูก

3.สอนง่าย : โบราณสอนว่า "ถ้าเป็นเด็กทำตัวให้เหมือนสามเณรราหุล ถ้าเป็นคนแก่ทำตัวให้เหมือนพระราธะ" ท่านทั้งสองสอนง่ายอย่างไร ก็ดังเรากันดีว่า สามเณรราหุลเป็นโอรสของพระพุทธเจ้า แต่ท่านก็ไม่อ้างสิทธิ์ ถือศักดิ์ว่าฉันเป็นใครเธอเป็นใคร แต่ทุกเช้าท่านจะกำเม็ดทรายในกำมือแล้วอธิษฐานว่า" เราจะจดจำคำสอนของทุกคนให้เท่ากับเม็ดทรายในกำมือ ส่วนพระราธะเป็นพระผู้เฒ่าบวชตอนแก่ แต่ไม่ยอมแพ้พระหนุ่มๆ ท่านใดสอนก็ฟัง ท่านใดแนะนำก็น้อมรับ ไม่ทำตัวเป็นกาฝาก แต่ท่านเป็นพระกล้วยไม้ สมดังคำพระว่า "สุวโจ" คือเป็นผู้ว่าง่าย สอนง่าย พระพุทธเจ้ายกย่องให้ท่านเป็นผู้มีปฏิภาณอันเลิศ

4.ไม่แง่งอน : น้องหมามีปกติแง่งอนน้อยมาก อาจจะมีบ้างก็น้อยและไม่นานก็อ้อนเจ้าของ เป็นลูกเป็นหลานก็อย่าแง่งอนกับพ่อแม่ เป็นพ่อเป็นแม่ก็อย่าแง่งอนกับลูกหลาน หลายปีก่อนไปบรรยายธรรมในงานวันแม่ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในขณะที่นั่งรอบรรยาย ก็มีพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแม่ดีเด่น ลูกดีเด่น ในขณะที่ครูกำลังสัมภาษณ์ความรู้สึกนักเรียนคนหนึ่งว่า "ดีใจไหมลูกกับรางวัลลูกสาวดีเด่น "นักเรียนสาวคนนั้นตอบทันทีว่า "ดีใจค่ะ แต่ก็เสียใจมาตลอดว่าแม่ไม่เคยเชื่อใจหนูเลยสักเรื่อง "ท่ามกลางบรรยากาศห้องประชุมที่เงียบสนิท มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งปาดน้ำตาขึ้นไปบนเวที แล้วจับไมค์พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า "แม่ไว้ใจหนูทุกเรื่องแต่คนที่แม่ไม่ไว้ใจที่สุดคือเพื่อนของหนู"

5.เห่า : การเห่าของน้องหมานั้นเพราะเขาห่วง 2 อย่าง คือ ห่วงเจ้าของ กับห่วงของ สองห่วงนี้น้องหมาสู้ใจขาด ตัวเล็กตัวใหญ่ไม่สน เห่าจนเจ้าของที่อยู่หลังบ้านต้องออกมาดูว่าใครไปใครมา ถ้าคนแปลกหน้ามา น้องหมาจะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยทันที ในสมัยพุทธกาล มีสุนัขตัวหนึ่งทำหน้าที่เห่านำทาง พระสาวกไปฉันอาหารในบรรณศาลา เห่าบอกเวลา เห็นสัตว์ร้ายระหว่างทางก็เห่าไล่หนี สุนัขตัวนั้นมีจิตอ่อนโยนในพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อตายไปได้เกิดในเทวโลกเป็นเทพบุตร ชื่อว่า "โฆสกเทพบุตร" หลวงพ่อพุทธทาสจึงสอนว่า "ถ้าหมาเห่าอย่าไปเห่าตอบ เพราะจะมีหมาเพิ่มขึ้นอีก 1 ตัว" การทำงานบางครั้ง "คนทำไม่พูด คนพูดก็ไม่ทำ" เราจึงต้องรู้จักเห่าให้ถูกที่ถูกเวลา

6.หอน : การหอนของน้องหมานั้นมีที่มา ดังที่โบราณว่า ถ้าแมลงสาบขึ้นบ้านเรา พยากรณ์ได้ 2 อย่างคือ 1.บ้านเราสกปรก 2.ฝนจะตกหนัก หมาหอนก็เช่นกันมี 2 อย่าง คือ 1.หอนชูคอหน้ามองไปตรงๆ นั้นผีมา หมาเห็นผี ต้องทำบุญกรวดน้ำอุทิศ เพราะเชื่อกันว่าหมาสื่อสัมผัสถึงสิ่งเหล่านี้ได้ 2.หอนแหงนหน้าขึ้นฟ้า เทวดาผ่านบ้านเรา สาธุรับพร หากนำการหอนของน้องหมามาประยุกต์กับการทำงานก็เสมือนลูกน้องบางครั้งก็ต้องหอนบาง เพื่อให้เจ้านายรู้ว่า ถ้าจะมาโกงกินเอารัดเอาเปรียบหน่วยงานเรา หรือใครที่ไม่หวังดีต่อเจ้านาย เราก็ควรหอนเตือนบ้าง ส่วนเจ้านายจะเชื่อหรือไม่เชื่อ สุดแล้วแต่ท่าน

7.ต้อนรับ : เป็นเสน่ห์ของน้องหมาที่คุ้นตา เจ้าของไปไหนมาไหน ตามรับ ตามส่ง วิ่งเกาะรถ ยกขาชูคอ เลียปากต้อนรับ ดีใจที่เจ้าของกลับมา ตรงกันข้ามกับชีวิตเราบางครั้งพ่อแม่ไปไหนมาไหนกี่วันก็ไม่ได้สนใจ ลูกหลานไปเช้ากับดึกแค่ไหนก็ไม่ตามดู โยมคนหนึ่งมาบวชชีถือศีลอยู่ถือวัด ลูกหลานไปรับไปส่ง ส่งข้าวส่งน้ำ ยาหอมยาดมไม่ขาด แต่ย่ายายบางท่านไปบวชชี 15 วัน พระท่านถามว่า "เป็นไงโยม มานอนวัดเป็นสิบวันลูกหลานไม่มาแลเลยเหรอ" โยมยายคนนั้นตอบเบาๆ ว่า "ท่าน...ตอนมาฉันยังวานรถคนข้างบ้านมาส่งเลย ไม่ต้องไปถามถึงหรอกว่า...มันจะมาดูมาแลฉันไหม"

8.ยอมให้ปรับทุกข์ : ยามเจ้าของสุข น้องหมาก็สนุกร่าเริง ยามเจ้าของทุกข์ น้องหมาก็เหงาๆ เศร้าๆ เดินมานอนใกล้ๆ มองตาเจ้าของ ถ้าเขาพูดได้คงจะถามว่า "เป็นอะไร เล่าให้ฟังบ้างนะ เพื่อจะสบายใจขึ้น" จ้องตาเจ้าของไม่ลดละ ยกคอมาเกยที่ขาบ้าง ที่เข่าเจ้าของบ้าง และเมื่อเจ้าของเล่าความลับอะไรให้ฟังแล้ว หมาจะไม่นำไปเล่าให้ใครฟังต่อเพราะเป็นสุนัขชั้นดี "ไม่ปากหมา"

ธรรมะจากสุนัข 8 ประการนี้ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลคือโฆสกเทพบุตร มีมาในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 คือ ย่าเหล่ และที่เราท่านทั้งหลายรู้จักดีคือคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง ในรัชกาลที่ 9 หรือสุนัขญี่ปุ่นที่ชื่อมาริ ต่างมีธรรมะที่กล่าวมาบริบูรณ์

ปีใหม่นี้หากเรามีหลักคิด 8 ประการนี้ ชีวิตเราจะ "ไม่เป็นหมาหัวเน่า"

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว Gemini 3 Flash โมเดล AI ราคาประหยัดแต่ฉลาดเกือบเท่าเดิม