ลดพื้นที่ปลูกข้าวเหลว

เกษตรกรเมินรัฐช่วยเงิน 2,000 บาท/ไร่ ปลูกข้าวโพดแทนข้าวนาปรัง ห่วงข้าวทะลักเกินแผนครบวงจร

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า การส่งเสริมให้เกษตรกรปรับพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แทนการปลูกข้าวนาปรัง ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ซึ่งเกษตรกรสนใจโครงการปลูกพืชหลากหลายมากกว่า เนื่องจากไม่มั่นใจเรื่องราคาและตลาดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แม้ว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือต้นทุนการผลิต 2,000 บาท/ไร่ รายละไม่เกิน 15 ไร่ก็ตาม

"โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2559/2560 เป้าหมายโครงการ 2 ล้านไร่ มีเกษตรกรร่วมโครงการเพียง 2.62 แสนไร่ และโครงการปี 2560/2561 เป้าหมาย 7 แสนไร่ ตัวเลขผู้สมัคร ณ 26 ธ.ค. 2560 จำนวน 5.9 แสนไร่ ขณะที่โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายแทนนาปรัง พบว่าโครงการปี 2559/2560 เป้าหมาย 2 ล้านไร่ เกษตรกรสมัคร 1.4 แสนไร่ และโครงการปี 2560/2561 ปิดรับสมัคร 31 ธ.ค. 2560 พบว่าเกษตรกรสมัคร 2.3 แสนไร่ จากเป้าหมาย 3 แสนไร่" นายสมชาย กล่าว

ทั้งนี้ ตัวเลขการเข้าร่วมปลูกพืชชนิดอื่นของเกษตรกร จะเห็นได้ว่าไม่ได้มากตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการจูงใจให้ปลูกพืชอื่นแทนข้าวนาปรัง เพื่อป้องกันปริมาณข้าวที่จะออกมาเกินแผนข้าวครบวงจร ซึ่งในปี 2560/2561 เป้าหมายจะให้มีผลผลิตข้าวประมาณ 29 ล้านตันข้าวเปลือก จากพื้นที่นาปรัง 11 ล้านไร่ แต่จากการลงพื้นที่สำรวจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดว่าจะมีการปลูกมากกว่า 12 ล้านไร่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงได้มีมติ ครม.เห็นชอบโครงการลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังออกมา ทั้งโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และโครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย

"รัฐเป็นห่วงว่าเกษตรกรจะปลูกข้าวนาปรังเกินแผนข้าวครบวงจรที่วางไว้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการปลูกข้าวนาปรังมากกว่า 12 ล้านไร่ เพิ่มจากแผนข้าวครบวงจรที่คาดการณ์ว่าจะไม่เกิน 11 ล้านไร่ ผลผลิตข้าวนาปีและนาปรังประมาณ 29-30 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งนาปีปลูกประมาณ 54 ล้านไร่ และการปลูกข้าวนาปรังที่มากขึ้นมาจากสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่ดีขึ้น" นายสมชาย กล่าว

นายทองเปลว กองจันทร์ ช่วยราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศมีประมาณ 4.23 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) กรมชลประทานได้กำหนดแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2560/2561 เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในเขตชลประทานทั่วประเทศคิดเป็นปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันทั้งสิ้น 2.5 หมื่นล้าน ลบ.ม. โดยแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งแบ่งเป็นการใช้น้ำช่วง 1 พ.ย. 2560 ถึง 30 เม.ย. 2561 จำนวน 7,700 ล้าน ลบ.ม. แยกเป็น เพื่อการอุปโภคบริโภค 1,140 ล้าน ลบ.ม. การรักษาระบบนิเวศและอื่นๆ 1,450 ล้าน ลบ.ม. และการเกษตร 5,110 ล้าน ลบ.ม. ส่วนที่เหลือใช้สำรองช่วงต้นฤดูฝนเดือน พ.ค.-ก.ค. 2561