พรรษา เหมวิบูลย์ จากโนเนมสู่แข้งยอดเยี่ยม
จากนักเตะที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก ฝ่าฟันอุปสรรคมานานัปการจนสามารถก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งผงาดคว้ารางวัล "นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี"
โดย ชมณัฐ
จากนักเตะที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก ฝ่าฟันอุปสรรคมานานัปการจนสามารถก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งผงาดคว้ารางวัล "นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี" ได้สำเร็จ ซึ่งชีวิตในวันนี้ของ พรรษา เหมวิบูลย์ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าโอกาสมีสำหรับคนที่พร้อมและไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาเสมอ
หากใครไม่ได้ติดตามวงการฟุตบอลไทยอย่างใกล้ชิด คงแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อของ พรรษา เหมวิบูลย์ กองหลังร่างโย่งที่วันนี้ได้รับการสถาปนาให้เป็น "นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปี 2017" ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย หลังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมกับต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และทีมชาติไทย
"ผมเป็นนักเตะที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ผมไม่คิดเลยว่าจะมาถึงวันนี้ เป้าหมายหลักของผมตอนเล่นฟุตบอลใหม่ๆ ก็คืออยากติดทีมชาติ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งความฝันจะเป็นจริง ที่มาถึงวันนี้ได้ผมว่าเป็นจังหวะและโอกาสที่เข้ามาพร้อมกัน" พรรษา กล่าว
กว่าจะถึงวันนี้ชีวิตของ พรรษา ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 27 ปีไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบต้องเผชิญกับอุปสรรคที่หนักอึ้งมานับไม่ถ้วน เด็กจาก จ.จันทบุรี คนนี้มีชีวิตไม่ต่างจากนักฟุตบอลที่หอบสตั๊ดมาจากต่างจังหวัดอีกหลายราย โดยมีพื้นฐานครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่มีอาชีพเจียระไนเพชร ค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอเลี้ยงลูก 3 คน ทำให้พี่ชายคนโตถึงขั้นต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเพื่อมาทำงานและทุ่มเททุกสิ่งอย่างให้กับเจ้าตัว
ขณะที่เส้นทางบนถนนลูกหนังก็เจอมาหนักไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่เงินค่าจ้างไม่ออกตามกำหนดสมัยค้าแข้งกับทีโอที เอสซี หรือถึงขั้นถูกลอยแพไม่มีทีมเล่นเพราะสโมสรต้นสังกัดในเวลานั้นอย่างขอนแก่น ยูไนเต็ด โดนระงับสิทธิส่งทีมเข้าแข่งขันกลางคัน แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยยอมสยบต่อโชคชะตาที่พยายามพรากตัวเองจากสิ่งที่รัก
"แม้จะเจออุปสรรคที่หนักมาหลายอย่างแต่ผมไม่เคยคิดจะเลิกเล่นฟุตบอลเลยแม้แต่ครั้งเดียว ต้องขอบคุณตัวเองที่ผ่านเรื่องร้อนหนาวมามากมายแต่เราก็ยังไม่ยอมแพ้ กัดฟันสู้มาจนถึงทุกวันนี้" เจ้าโย่ง เผย
เมื่ออุปสรรคผ่านพ้นไป ฟ้าหลังฝนที่สวยงามก็ตามมา "โอกาสแรก" ที่ พรรษา ได้รับก็คือการถูกยักษ์ใหญ่ลูกหนังไทยอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต่อสายตรงดึงไปร่วมทัพแบบไม่น่าเชื่อในขณะที่กำลังเคว้งคว้างไม่มีทีมลงเล่น ซึ่งในถิ่นไอ-โมบาย สเตเดี้ยม เจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังยึดตำแหน่งตัวจริงและกลายเป็นตัวหลักเรื่อยมาจนสร้างผลงานช่วยทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 2017 ด้วยสถิติการเสียประตูน้อยที่สุด
"ผมคิดอยู่อย่างเดียวเสมอมาว่าเวลาเราทำงานหรือเล่นฟุตบอล ผมขอก้มหน้าแล้วก็ทำอย่างเดียว แล้วก็พยายามทำให้มันออกมาดีที่สุดไม่ว่าจะซ้อมหรือแข่ง เราต้องพร้อมตลอดไม่ว่าจะได้ลงเล่นหรือไม่ได้ลงหรือไม่มีชื่อเลยก็ตาม แต่เราต้องทำร่างกายของเราให้พร้อมตลอด เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโอกาสจะมาถึงเราเมื่อไหร่ ดังนั้นเราจึงต้องพร้อมตลอด ถ้าโอกาสมันมาถึงแล้วเราไม่สามารถคว้ามันไว้ได้ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็ไม่มีความหมาย"
เมื่อคว้าโอกาสแรกได้แล้ว "โอกาสที่สอง" ก็ตามมาติดๆ หลังลงเล่นให้ "ปราสาทสายฟ้า" ไปได้ 13 นัด พรรษา ก็ถูก มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทยเรียกเข้ามาติดธงตั้งแต่เกมแรกที่เข้ามากุมบังเหียน และนับเป็นการรับใช้ชาติครั้งแรกของเจ้าตัวด้วยเช่นกันในวัย 27 ปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยติดทีมชาติไทยในระดับเยาวชนอย่างเป็นทางการมาก่อน
ในสีเสื้อช้างศึก พรรษา กลายเป็นแนวรับตัวหลักที่ทีมชาติไทยจะขาดไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถูกมองข้ามมาโดยตลอด โดยเป็นกำลังสำคัญทั้งในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย และพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 45 จนเข้าไปครองใจแฟนบอลทั่วประเทศ
"ถึงวันนี้ผมรู้สึกภาคภูมิใจกับตัวเองมากที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ และมีอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ถ้าตอนนี้พ่อของผมยังอยู่ พ่อคงดีใจมากๆ ที่วันนี้ผมกลายเป็นนักฟุตบอลทีมชาติได้สำเร็จ มันเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของผมรวมถึงครอบครัว"
นอกจากชีวิตการเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จแล้ว "เจ้าโย่ง" ยังใช้สตั๊ดไต่เต้าความสำเร็จด้านการศึกษาอีกด้วย แม้ฐานะทางบ้านจะยากจนทำให้ต้องเรียนโรงเรียนวัดมาโดยตลอด แต่เจ้าตัวก็ไม่ย่อท้อที่จะฝึกปรือฝีเท้าจนคัดเลือกติดโควตาช้างเผือกและได้ทุนการศึกษาเรียนฟรีที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ก่อนจะต่อยอดสู่รั้ว "จามจุรี" เข้าเรียนฟรีในโครงการพัฒนากีฬาฟุตบอลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนเรียนจบรับวุฒิปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา ได้สำเร็จใน 5 ปี และมีโอกาสเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับจามจุรี ยูไนเต็ด ในดิวิชั่น 2 ด้วยวัยเพียงแค่ 21 ปี
จากความพยายามที่ผ่านมาโดยตลอดทำให้ตอนนี้ พรรษา ได้รับการต่อสัญญากับต้นสังกัด "ปราสาทสายฟ้า" ไปจนถึงสิ้นปี 2021 ซึ่งแม้เจ้าตัวจะต่อสู้กับความยากลำบากจนกลายเป็นนักเตะหมายเลขหนึ่งของปีนี้ แต่แข้งเจ้าของส่วนสูง 190 ซม. ก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป
"ผมยังไม่ใช่กองหลังที่ดีที่สุดของไทย เชื่อว่ามีคนที่เก่งกว่าผมอีกเยอะ ผมไม่ใช่นักเตะที่มีพรสวรรค์ ผมต้องใช้พรแสวงทำให้ผมยังต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อพัฒนาฝีเท้าต่อไป แต่ก็ขอขอบคุณที่เชื่อว่าเรามีดีในตอนนี้ ผมจะพยายามทำให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรักษาโอกาสตรงนี้ไว้" พรรษา ทิ้งท้าย
ชีวิตลูกหนังของ พรรษา ในวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า "โอกาส" เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อคว้าโอกาสนั้นมาอยู่ในมือให้ได้เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ขอเพียงไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา พยายามทำหน้าที่ของ ตัวเองให้ดีที่สุด ทุกอย่างก็ไม่มีคำว่าสายเกินไป


