นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ตำนานวิ่งสู่ชีวิตใหม่
เรื่อง กองทรัพย์ ปรากฏการณ์ #ก้าว ในโครงการก้าวคนละก้าว ของตูน บอดี้สแลม เป็นโครงการที่ได้มากกว่าเงินระดมทุน แต่ยังได้เห็นน้ำใจของคนไทย และเป็นอีกหนึ่งพลังที่ปลุกให้คนหันมาวิ่งออกกำลังกายกันเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกระแสวิ่งที่จุดกระแสให้กลับมาบูมอีกครั้ง หลังหนังรัก 7 ปี ดี 7 หน มาฉายพร้อมกับงานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ "ไทย เฮลท์ เดย์ รัน (Thai Health Day Run)" ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 ในปีนี้ Thai Health Day Run 2017 ซึ่งมีผู้ร่วมกว่าหมื่นคน
เรื่อง กองทรัพย์
ปรากฏการณ์ #ก้าว ในโครงการก้าวคนละก้าว ของตูน บอดี้สแลม เป็นโครงการที่ได้มากกว่าเงินระดมทุน แต่ยังได้เห็นน้ำใจของคนไทย และเป็นอีกหนึ่งพลังที่ปลุกให้คนหันมาวิ่งออกกำลังกายกันเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกระแสวิ่งที่จุดกระแสให้กลับมาบูมอีกครั้ง หลังหนังรัก 7 ปี ดี 7 หน มาฉายพร้อมกับงานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ "ไทย เฮลท์ เดย์ รัน (Thai Health Day Run)" ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 ในปีนี้ Thai Health Day Run 2017 ซึ่งมีผู้ร่วมกว่าหมื่นคน
ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ผู้บุกเบิกกระแสการวิ่งในเมืองไทย และสร้างตำนานการวิ่งมาตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา เช่น การจัดงานวิ่งมาราธอนระดับปรากฏการณ์มากมาย แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คืองาน "วิ่งลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติ" บนสะพานแขวนพระราม 9 ครั้งนั้นมีผู้มาร่วมงานหลายแสนคน
"ผมน่าจะเป็นคนไทยคนแรก ที่ไปวิ่งที่ฮอนโนลูลูมาราธอนที่ฮาวาย กลับมาผมก็คุยลั่นศิริราช จน ศ.นพ.ประเวศ วะสี ชวนมาเขียนคอลัมน์เรื่องการวิ่งในนิตยสารหมอชาวบ้านชื่อคอลัมน์วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ และได้รับการรวมเล่มเป็นหนังสือ "วิ่งสู่ชีวิตใหม่" ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก มีการพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง ผมไม่คิดว่าคนจะสนใจวิ่งขนาดนี้ แม้แต่ผมเองที่ไม่เคยคิดวิ่งเลย
ดังนั้น ผมมีโจทย์ในใจว่าทำอย่างไรให้คนที่ไม่สนใจการวิ่งเลย มาวิ่งได้ นี่จึงเป็นที่มาของการประกาศหานักศึกษาแพทย์มาวิ่งจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ เป็นการวิ่งระดมทุนเพื่อสร้างตึกในโรงพยาบาลศิริราช เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ผมคิดว่าถ้านักศึกษาแพทย์ที่วันๆ เอาแต่เรียนลุกขึ้นมาวิ่งได้ ใครๆ ก็น่าจะวิ่งได้ นี่จะเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ มีนักศึกษาแพทย์มาสมัครวิ่งกับผม 18 คน พวกเราวิ่งตั้งแต่เชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ วิ่งผ่านจังหวัดไหนก็ได้รับเสียงเชียร์ท่วมท้น และจุดประกายให้เกิดนักวิ่งหน้าใหม่ตามมาไม่น้อย
ภาพของตูน บอดี้สแลมวันนี้ ฉายซ้ำกับภาพของคุณหมอเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แม้ระยะทางการวิ่งจะต่างกัน แต่เป้าประสงค์ที่ต้องการให้คนไทยสุขภาพดีและจุดประกายให้คนหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเป้าหมาย "เพราะผมพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าการวิ่งซ่อมแซมร่างกายที่เจ็บป่วยได้ ดังนั้น การวิ่งจึงมีความหมายต่อผม คือ ทำให้ผมรอดตาย และสอนให้ผมได้แบ่งปัน ย้อนไปเมื่อขณะที่ผมอายุ 40 กว่าปี บ้านยังผ่อนไม่หมด เมียก็ยังสาว ลูกก็ยังเล็ก แต่เจ็บป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบพอรู้ว่าเป็นโรคหัวใจ ผมก็ไม่รู้จะจัดการตัวเองอย่างไร อาการโรคหัวใจก็เหมือนมีระเบิดอยู่ในร่างกายไม่รู้จะระเบิดขึ้นมาวันไหน
ตอนที่ยังหาทางออกไม่ได้ ผมบังเอิญไปเจอหนังสือนิตยสารชื่อ Asia Runner ตอนนั้นไม่รู้จักการวิ่งและไม่เคยสนใจที่จะวิ่งเลย แต่สิ่งที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงก็คือบทความในนิตยสารนั้น โดยชายคนหนึ่งชื่อจอห์น เป็นโรคหัวใจ หมอที่รักษาเขาบอกเขาว่าไม่มีทางรักษา แต่จอห์นเชื่อในร่างกายตัวเองเขาใช้การออกวิ่งเยียวยาโรคร้ายจนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ พออ่านจบผมก็เกิดแรงบันดาลใจและเริ่มต้นวิ่ง พาร่างกายตัวเองก้าวข้ามความเจ็บป่วย ผมก็เลยตั้งปณิธานว่าจะแบ่งปันความรู้ด้านการวิ่งให้กับคนอื่นๆ" คุณหมอผู้สร้างตำนานการวิ่งให้เกิดขึ้นในเมืองไทย กล่าว n


