posttoday

สุยหยางตี้ คนเก่งแพ้ไม่เป็น

10 ธันวาคม 2560

สุยหยางตี้ คือฮ่องเต้องค์ที่สองและเป็นองค์สุดท้ายของราชวงศ์สุย ตามบันทึกประวัติศาสตร์ระบุว่าพระองค์เป็นฮ่องเต้ที่โหดเหี้ยมอย่างไร้เหตุผล

สุยหยางตี้ คือฮ่องเต้องค์ที่สองและเป็นองค์สุดท้ายของราชวงศ์สุย ตามบันทึกประวัติศาสตร์ระบุว่าพระองค์เป็นฮ่องเต้ที่โหดเหี้ยมอย่างไร้เหตุผล ไม่ว่าจะฆ่าพ่อ ลวนลามแม่ (เมียของพ่อ-ไม่ใช่แม่แท้ๆ) ฆ่าพี่ ข่มเหงน้อง มักมากในกาม บ้าอำนาจ เอาเป็นว่าถ้าหากยังคิดคำคุณศัพท์แง่ลบใดๆ เกี่ยวกับผู้นำออกมาได้อีก ก็สามารถรวมไว้ที่สุยหยางตี้ได้เลย

ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมเนียม “ผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์” ที่ผู้ชนะต้องเขียนให้ผู้นำยุคสมัยก่อนหน้ามีปัญหาและความเลวร้ายให้มากเข้าไว้เพื่อความชอบธรรมในการเปลี่ยนแปลง

แต่เมื่อดูจากผลงานแล้วจะเห็นได้ว่าฮ่องเต้สุยหยางตี้คืออัจฉริยะ สุยหยางตี้มีทั้งความสามารถด้านการนำทัพ ด้านกวี และมีวิสัยทัศน์ เรียกได้ว่าถ้าไม่ตกอยู่ในฐานะฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์สุย ประวัติศาสตร์คงบันทึกประวัติสุยหยางตี้ไว้ในแบบที่กลับตาลปัตรจากทุกวันนี้

สุยหยางตี้มีเมกะโปรเจกต์มากมายที่จัดว่าสร้างความก้าวหน้าให้กับอาณาจักรจีน ไม่ว่าจะเป็นระบบสอบเคอจวี่(คนไทยติดปากว่าสอบจอหงวน) ซึ่งคือการจัดสอบข้าราชการตามความสามารถ มิใช่เส้นสาย สุยหยางตี้ยังให้ลงโทษกบฏเฉพาะผู้ที่ก่อการโดยไม่ประหารเครือญาติที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง (ภายหลังราชวงศ์ถังกลับมาใช้โทษประหาร 9 ชั่วโคตรดังเดิม จึงดูเหมือนว่าสุยหยางตี้จึงเป็นฮ่องเต้องค์เดียวที่กำหนดกฎหมายล้ำยุคอยู่องค์เดียวในประวัติศาสตร์จีน) ส่วนที่เล่าลือว่าสุยหยางตี้เหี้ยมโหดต่อราษฎร ในช่วงแรกของการครองราชย์ สุยหยางตี้ก็เปิดยุ้งฉางแจกจ่ายข้าวแก่ประชาชนและลดภาษีอย่างต่อเนื่อง แต่เพิ่มภาษีเข้าคลังด้วยการจัดทำระบบสำมะโนครัวประชากรอย่างมีประสิทธิภาพแทน

สุยหยางตี้จึงไม่ใช่ฮ่องเต้เลอะเลือนแต่อย่างใด แต่กลับไอคิวสูงเหนือค่าเฉลี่ยฮ่องเต้ทั่วไปด้วยซ้ำ และถือว่าเป็นฮ่องเต้ที่ต้องการให้อาณาจักรเจริญรุ่งเรืองสวยงาม

ถ้าสุยหยางตี้จะมีปัญหา ก็ตรงเมกะโปรเจกต์เพื่อสร้างอาณาจักรให้รุ่งเรืองที่ต้องเกณฑ์ไพร่พลมหาศาล เช่น การสร้างเมืองหลวงใหม่ตั้งแต่ต้นรัชกาล ซ่อมกำแพงเมืองจีน หรือขุดคลองต้ายุ่นเหออันโด่งดัง ซึ่งทั้งหมดเริ่มต้นทำอย่างรวดเร็วกระชับฉับไวภายใน 5 ปี

ในสายตาฮ่องเต้คือกระชับฉับไว แต่ในสายตาประชาชนคือต้องถูกเกณฑ์แรงงานโหดร้าย แต่ร้ายอย่างไรก็ยังเข้าใจได้ เพราะทุกอย่างมีเหตุผลด้านความเจริญมั่นคงของอาณาจักรรองรับอย่างหนักแน่น

ตำแหน่งที่สร้างเมืองหลวงใหม่ทำให้สะดวกต่อการบริหารบ้านเมือง ส่วนคลองต้ายุ่นเหอที่ขุดจากเหนือลงใต้ก็ทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างแดนเหนือและแดนใต้สะดวกคล่องตัว ทั้งสองอย่างทำให้แผ่นดินสุยซึ่งเพิ่งเป็นปึกแผ่นได้ไม่นานมีเสถียรภาพขึ้นทันตา

เอาเข้าจริงแม้จะถูกบันทึกว่าเกณฑ์แรงงานจำนวนมาก แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้แผ่นดินล่มสลาย ในทางตรงกันข้ามกลับเห็นระดับการพัฒนาของอาณาจักรชัดเจน (ประชาชนเดือดร้อน แต่ประเทศมั่นคงมากขึ้น เป็นเรื่องปกติของยุคสมัยนั้น)

จนเมื่อสุยหยางตี้อยากบรรลุภารกิจที่ตั้งเป้าไว้ภารกิจสุดท้าย ซึ่งก็คือกำราบอาณาจักรเกาโกวลี่ (เกาหลีในปัจจุบัน)

ในยุคนั้นอาณาจักรเกาโกวลี่นอกจากมีอิทธิฤทธิ์สร้างความปั่นป่วนให้กับจีนแล้ว จีนยังถือว่าแผ่นดินเกาโกวลี่เป็นดินแดนใต้กำกับ

ศึกคราวนี้ย่อมมีขุนนางทั้งหลายท้วงติง เกาโกวลี่ไม่ใช่ใกล้และไม่อ่อนแอ แต่ก็ไม่ต่างกับโปรเจกต์อื่นที่เคยโดนทักท้วงเช่นกัน สุยหยางตี้ไม่คิดฟัง เพราะทุกโปรเจกต์ที่ผ่านมาล้วนสำเร็จเห็นผลงดงามมาทั้งนั้น

สุยหยางตี้ไม่ประมาท ใช้เวลา 2 ปีตระเตรียมกองทัพ ศึกนี้อลังการ ทหารถูกเกณฑ์มาในสงครามครั้งนี้เป็นจำนวนกว่า 1 ล้านนาย พร้อมกองสนับสนุนแนวหลังอีก 2 ล้านนาย นับว่ามากกว่าจำนวนคนที่ถูกเกณฑ์ในทุกโครงการก่อนหน้านี้ของสุยหยางตี้รวมกันทั้งหมด

สุยหยางตี้ใช้กำลังทหารมากกว่าสงครามครั้งอื่นใด เพราะรู้ดีว่าสงครามครั้งนี้ไม่ง่าย จึงใช้ปริมาณทหารมากไว้เพื่อข่มขวัญ ถ้าเข้าทางเกาโกวลี่อาจยอมแพ้โดยไม่เสียเลือดเนื้อ ย่อมนับเป็นภาพที่สวยงาม

แต่กำลังทหารขนาดนั้น รวมกับหน่วยสนับสนุนกองทัพ เล่นเอาชายในอาณาจักรสุยแทบหมดเกลี้ยง ถึงกับต้องเริ่มเกณฑ์ผู้หญิงมาเป็นแรงงาน

นึกไม่ถึงว่าการเอาชนะเกาโกวลี่ไม่ง่ายเลย กล่าวโดยรวบรัดคือกองทัพเกาโกวลี่ยืนหยัดทำศึก กองทัพสุยถลำลึกและถูกตีแตกพ่าย ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าศึกครั้งนี้ทหารสุยเหลือรอดกลับมาเพียง 2,700 นายเท่านั้น

ทำเอาสุยหยางตี้ไปไม่เป็น เก็บตัวอยู่เงียบๆ ถึงครึ่งเดือน

ความผิดหวังครั้งใหญ่ของสุยหยางตี้พอจะเข้าใจได้ เพราะก่อนหน้านี้สุยหยางตี้ไม่เคยทำอะไรไม่สำเร็จ ไม่ว่าเรื่องความสามารถส่วนตัว หรือเรื่องบริหารจัดการบ้านเมืองส่วนรวม

สุยหยางตี้แพ้ไม่ได้ ครึ่งเดือนผ่านไปจึงโผล่ออกมาพร้อมคำบัญชา จะโจมตีเกาโกวลี่ครั้งที่สอง โดยเพิ่มกองทหารขึ้นอีก 1 เท่าตัว

จุดที่แพ้ไม่ได้นี่แหละน่าจะเป็นจุดพลิกผัน สงครามเพื่อความมั่นคงของบ้านเมืองจึงเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นสงครามเพื่อรักษาหน้า

อันที่จริงในยุคนั้นกองทัพจีนต่างเอาชนะอาณาจักรเกาโกวลี่ยากลำบาก ไม่ว่าจีนในยุคก่อนหน้าหรือยุคหลังสุยหยางตี้ล้วนเคยพ่ายแพ้ให้กับเกาโกวลี่แล้วทั้งนั้น เพียงแต่สุยหยางตี้แพ้ไม่ได้ และสุยหยางตี้ไม่เคยแคร์ว่าจะต้องใช้ทรัพยากรแทบทั้งหมดของอาณาจักรเป็นเดิมพัน

แต่แล้วก็ปรากฏว่าในศึกปราบเกาโกวลี่ครั้งที่สอง ต้องมีอันล้มเลิกกลางคัน เพราะต้องกลับมาปราบกบฏขุนนางที่เมืองหลวง เป็นอันว่าทัพสุยเสียเวลาเสียทรัพยากรไปเปล่าโดยยังไม่ประสบความสำเร็จ กบฏในเมืองหลวงคืออาการป่วยเบื้องต้นของบ้านเมือง ชาวบ้านต่างสร้างกระแสยอมตายที่บ้านเกิด ไม่ยอมไปตายที่ชายแดน

แต่นักสร้างโปรเจกต์ย่อมนับแต้มความสำเร็จต่อเมื่อโปรเจกต์เสร็จสิ้น สุยหยางตี้ยกทัพใหญ่ครั้งที่สาม ครั้งนี้อาณาจักรเกาโกวลี่ยอมจำนน แต่อาการป่วยไข้ของบ้านเมืองเกินเยียวยาแล้ว ประชาชนก่อกบฏทั่วสารทิศ

ขนาดกองทัพสุยหยางตี้ที่ยกทัพกลับจากเกาโกวลี่ยังถูกกบฏชาวนาโจมตีแย่งชิงม้าส่วนพระองค์ไป 40 กว่าตัว ความแหลกเหลวฉับพลันของบ้านเมืองทำเอาสุยหยางตี้ตะลึง

และหลังจากนั้นบ้านเมืองมีแต่ตกต่ำลงเรื่อยๆ ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ถนนหนทางในราชอาณาจักรสุยกลับเต็มไปด้วยกบฏ บ้านเมืองอัมพาต

สุยหยางตี้นั้นเปลี่ยนไปเมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ที่ตั้งใจไว้ล่มสลายไปกับตา สุยหยางตี้แพ้ไม่เป็น พฤติกรรมของพระองค์แสดงออกว่าเมื่อทำให้ดีทำให้ยิ่งใหญ่ไม่ได้ ก็ขอเลือกไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

สุยหยางตี้ไม่สนใจแม้กระทั่งจะอยู่บริหารงานที่เมืองหลวง หนีปัญหาไปอยู่แดนใต้ สุยหยางตี้สูญเสียความมั่นใจจนเสียศูนย์ เมื่อบ้านเมืองไปเป็นตามที่คิดก็ไม่อยากจะทำอะไรทั้งสิ้น ไม่อยากแม้กระทั่งมีชีวิตอยู่ และยิ่งเสียศูนย์ ก็ยิ่งสูญเสีย

ว่ากันว่าขณะที่สุยหยางตี้อาศัยอยู่แดนใต้ มักจะหยิบคันฉ่องขึ้นมาส่องหน้าแล้วพูดว่า “ศีรษะข้าที่งดงามเช่นนี้ ใครหนอจะมาตัดมันไป” สุยหยางตี้อยู่กับความหวาดระแวงและฝันร้ายตลอดบั้นปลายชีวิต

และเพราะสุยหยางตี้ชอบสร้างสรรค์ผลงาน แต่ไม่คิดเผชิญปัญหา ขุนนางทั้งหลายจึงเหลือแค่ก่อกบฏเท่านั้นเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไป สุยหยางตี้ถูกสังหาร ราชวงศ์สุยจึงจบลงเพราะความเสียศูนย์ของสุยหยางตี้

สุยหยางตี้ประสบความสำเร็จมาตลอด และยิ่งประสบความสำเร็จก็ยิ่งมีอำนาจ ยิ่งมีอำนาจก็ยิ่งประสบความสำเร็จ น่าเสียดายที่ประสบการณ์ที่สวยงามและยิ่งใหญ่มาตลอดกลับทำให้จิตใจสุยหยางตี้รับความพ่ายแพ้ไม่ได้ เสียหน้าไม่ได้จนเสียศูนย์

นี่คือโศกนาฏกรรมของคนเก่งที่ไม่เคยแพ้และแพ้ไม่เป็น

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท