ตลาดชายแดนเชียงของ
ในช่วงปี พ.ศ. 2510 เป็นปีแรกที่ผมได้ไปอยู่ที่ตลาดเชียงของ ยุคนั้นเชียงของยังเป็นชายแดนไทย-ลาว
โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์
ในช่วงปี พ.ศ. 2510 เป็นปีแรกที่ผมได้ไปอยู่ที่ตลาดเชียงของ ยุคนั้นเชียงของยังเป็นชายแดนไทย-ลาว ที่ไม่ค่อยเจริญ มีถนนสายเดียวตัดผ่านตลาด คือ ถนนสายกลาง ร้านค้าไม่เยอะ ถ้าเป็นร้านขายเสื้อผ้า ก็จะมีสองร้านใหญ่ คือ ร้านเจ็กโต อยู่ใต้โรงแรมศรีพรหม หน้าวัดหลวง ปัจจุบันร้านนี้ได้ขายกิจการไปแล้ว และร้านโอชัยพาณิชย์ของเจ็กโอ สองร้านนี้จะขายเสื้อผ้าเป็นหลัก มียี่ห้อดังๆ ในยุคนั้น
ทั้งสองร้านนี้จะหาซื้อมาขายให้กับผู้บริโภคชาวลาวตอนบนได้สวม ใส่กัน สองร้านนี้ถือว่าเป็นตำนานของร้านขายเสื้อผ้าในตลาดเชียงของ เลยครับ แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ลูกหลานท่านทั้งสองได้เข้ามาเล่าเรียนในเมืองหลวงกัน และต่างไปประกอบอาชีพอื่นๆ กันหมด เช่นลูกของ อาเจ็กโอร้านโอชัยพาณิชย์ ก็ไปประกอบอาชีพแพทย์เสียหลายท่าน จึงไม่มีคนสืบสานต่อ ส่วนร้านขายวัสดุก่อสร้างก็มีอยู่สองสามร้าน เช่น ร้านนานาภัณฑ์ของนายตั้ง ร้านเอกชัย (เฮียก๊อด) ร้านจังง่วนกวง ซึ่งเป็นน้องชายพี่เขยผม ร้านถ่ายรูปก็มีสองร้าน คือร้านแฟชั่น ร้านมิตรศิลป์ ร้านนี้ผมชอบไปนั่งเล่นมาก ร้านอาหารก็มีสองร้าน คือร้านมิตรปราณีโภชนา กับร้านฝั่งโขงโภชนา ร้านขายยาก็มีสองร้าน คือร้านสุวรรณโอสถ กับร้านแจ่มจิตโอสถ ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าก็มีสามสี่ร้าน คือร้านร้านเจ้ฮวง ร้าน เจ้พาง ร้านทรงประดิษฐ์ (ชาวจีนไหหลำ)
ร้านเซ็นต์อาภร ร้านขายแหอวนก็จะมีร้านเดียว คือร้านจินดาพาณิชย์ ร้านขายนาฬิกามีร้านเดียว คือร้านชัยนาฬิกา ร้านขายสินค้าอุปโภค-บริโภค ก็จะมีร้านหลายร้านหน่อย เช่นร้านจังเลี่ยงฮง ร้าน เล้าเอี่ยมเส็ง ร้านคูอุ๋ยง้วน ร้านเล้าเฮงง้วน ร้านหยู่เซ้งจั่น ร้านธงชัย ร้าน ยงศิลป์ ร้านเล้าเต็กฮวด เป็นต้น ทั้งตลาดจะรู้จักสนิทสนมกันหมด เพราะตลาดเล็กๆ แต่มูลค่าการค้าไม่เล็กเลย และส่วนมากร้านค้าจะเป็นกลุ่มญาติๆ พี่น้องที่เห็นโอกาสทางการค้า ก็จะดึงเอาญาติพี่น้องไปอยู่ค้าขายชายแดนที่เชียงของกัน
ขณะที่พี่เขยผมก็จะดึงเอาน้องชายที่ถนัดขายสินค้าวัสดุก่อสร้างไปเปิดร้านที่นั่น ส่วนร้านคูอุ๋ยง้วน กับร้านเล้าเฮงง้วน และร้านยงศิลป์ก็เป็นญาติพี่น้องกันหมด หรือร้านเล้าเอี่ยมเส็ง ซึ่งต่อมาก็เป็นร้านพ่อตาแม่ยายผมก็ดึงเอาร้านธงชัย ที่เป็นน้องชายของแม่ยายผมไปเปิดร้านขายของชำหน้าตลาดสด และร้านหยู่เซ้งจั่นก็เป็นคู่เขยกับผมครับ และในยุคนั้นยังไม่มีธนาคารพาณิชย์ไปเปิด จึงค้าขายกันเป็นเงินสด เก็บเงินสดกันเสียส่วนใหญ่ซึ่งผมจะเล่าถึงการใช้เงินและสิ่งทดแทนเงินในการค้าตามชายแดนให้อ่านในตอนต่อๆ ไปนะครับ โปรดอดใจรอติดตามอ่านต่อไป
ลูกค้าหรือผู้ซื้อก็จะแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ อยู่ 4 กลุ่ม คือ กลุ่มชาวลาว ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ลาวห้วยทราย กลุ่มนี้จะรู้จักกันเป็นอย่างดีกับพวกเราชาวตลาดเพราะค่อนข้างจะใกล้ชิดกัน ส่วนอีกกลุ่มจะเป็นชาวลาวที่อยู่เขตรอบนอกห้วยทราย เช่น ลาวเมืองหลวง หรือชาวลาวหลวงพระบาง ลาวหลวงน้ำทา ลาวเมืองสิงห์ ลาวเมือง น้ำเกิ่ง เป็นต้น กลุ่มที่สองคือกลุ่มชาวไทยภูเขา กลุ่มนี้จะเป็นชาวม้ง (แม้ว) ชาวเย้า (ย้าว) ชาวไทยดำ (ขมุ) ชาวไทยใหญ่ (ลื้อ)
กลุ่มนี้จะอาศัยอยู่ทั้งสองประเทศ สองฝั่งโขง ดังนั้นเราจะแยกไม่ค่อยออกว่าเขาเป็นไทยหรือเป็นลาว กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มจีนฮ่ออพยพ กลุ่มนี้จะเกาะกลุ่มกันแน่นมาก จะอยู่ที่บ้านหัวเวียง ห่างจากตัวอำเภอแค่สองกิโลเมตร อยู่ข้างวัดหัวเวียงเลย จะปลูกบ้านเป็นกลุ่มเป็นก้อน บ้านมุงด้วยหญ้าแฝก ผนังดินปนไม้ฟาก รอบบ้านจะเซาะร่องน้ำกันฝนตกน้ำไหลเข้าบ้าน บ้านเรือนสะอาดสะอ้าน เพราะเป็นชาวจีน ยูนนานที่มีวัฒนธรรม แต่จำเป็นต้องลี้ภัยสงครามการเมืองมากับกองพล 93 และยังมีอีกหมู่บ้านที่ดอยผาตั้ง ในอดีตอยู่ในเขต อ.เชียงของ แต่ปัจจุบันอยู่ที่เขต อ.เวียงแก่น แล้ว กลุ่มที่สี่ คือ กลุ่มคนเมือง หรือชาวไทยที่อยู่ตามหมู่บ้านเขตรอบๆ อ.เชียงของ ครับ ทั้งหมดนี้เป็นลูกค้าชายแดนที่เราทำมาค้าขายกันอยู่เป็นประจำครับ


