สนามกอล์ฟท็อป 1/30 ของโลก ฝันที่เป็นจริงของปราจิน เอี่ยมลำเนา

เจียรนัย อุตะมะ

ปราจิน เอี่ยมลำเนา วัยกว่า 70 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล และประธานกรรมการ บริษัท บลูไดมอนด์ กอล์ฟ แอนด์ วอเทอร์สปอร์ทคลับ ที่หุ้นเพิ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ คนส่วนใหญ่รู้จักเขาเป็นอย่างดีในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้นำการสร้างสรรค์สื่อนวัตกรรมยานยนต์และการจัดกิจกรรมครบวงจร ในฐานะผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ หรือเรียกสั้นๆ ว่างานมอเตอร์โชว์ ตลอด 38 ปีที่ผ่านมา

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าชายคนนี้เป็นเจ้าของ บลูไดมอนด์ กอล์ฟ แอนด์ วอเทอร์สปอร์ทคลับ พื้นที่ 3,000 ไร่ พื้นที่เป็นสนามกอล์ฟ และโรงแรม 52 ห้อง ที่ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี สนามกอล์ฟที่มีชื่อเสียงระดับ 1 ใน 30 ของโลก โดยลูกค้าที่มาไดรฟ์กอล์ฟที่นี่ล้วนมีระดับ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คนไทย สวีเดน และญี่ปุ่น

"ฝรั่งชอบเช่า ฮ.มาจากหัวหิน ที่นี่ ฮ.ลงได้"

สุดสัปดาห์เขาชอบขลุกอยู่ที่นี่เพื่อชื่นชมธรรมชาติ ผลงานของตัวเอง ที่สร้างสรรค์สนามกอล์ฟแห่งนี้มาได้ 6 ปีแล้ว แม้ว่าการลงทุนในพื้นที่แห่งนี้ยังไม่มีกำไร แต่เขาวาดหวังไว้ว่าอีก 7 ปีจะออกดอกผลเพราะถือว่าเป็นการลงทุนระยะยาว ปัจจุบันมีคีย์แมนคนสำคัญที่บริหารกิจการแห่งนี้ให้เขา 6-7 คน พร้อมพนักงานกว่า 300 ชีวิต

"ผมเป็นศิลปินวันเสาร์-อาทิตย์ไม่หยุด นอนวันละ 5 ชั่วโมง ได้งานเยอะ มีความสุขกับการทำงาน ตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปสนามกอล์ฟ เพราะนอกเหนือจากเงินทองแล้ว ยังได้ความชุ่มชื่นในจิตใจ"

ที่ดินผืนนี้ปราจินซื้อมาเมื่อ 4-5 ปีก่อนในราคาไร่ละ 2 แสนบาท ปัจจุบันราคาขึ้นไปถึงไร่ละ 5-7 แสนบาท ปราจินมีมุมมองว่า ในด้านของราคาสินทรัพย์ถือว่ากำไรแล้ว

การได้ที่นี่มาคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่จะว่าไปคงเป็นโชคชะตาและความชื่นชอบก็ว่าได้

"เดิมผมชอบตีกอล์ฟที่สนามบลูแซฟไฟร์กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท อ.บ่อพลอย เมื่อเจ้าของบลูแซฟไฟร์กอล์ฟ เป็นหนี้เสียกับแบงก์ ผมจึงขอซื้อไว้ทั้ง 9 โฉนดและรับสภาพหนี้ ตอนนั้นพื้นที่เดิมแค่ 2 ,000 ไร่ และผมมาซื้อที่เพิ่มภายหลัง ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่น้ำ 500 ไร่ เป็นน้ำที่ผุดออกมาจากการขุดพลอย ส่วนพื้นที่เหลือก็ทำสนามกอล์ฟต่อเชื่อมกัน"

ปราจินเล่าว่า ฝรั่งมาตกใจไม่ต้องขุดน้ำ สวยด้วยเหมือนแม่น้ำ ตบแต่งเชื่อมไปมา มีภูเขาล้อมรอบด้วยฝีมือออกแบบของตัวเอง

ต้นไม้ที่เลือกมาปลูกที่นี่ล้วนมาจากรสนิยมของเจ้าพ่อมอเตอร์โชว์ ไม่ว่าจะเป็นต้นกระท้อนที่นำมาลง 300 ต้น กำลังเพาะเมเปิ้ล 50 กว่าต้น หางนกยูง ลีลาวดี ปาล์ม ปาติโค้ด

ในอนาคตหากนิคมอุตสาหกรรมทวายที่เมียนมาแล้วเสร็จ แล้วเชื่อมถนนมายังประเทศไทยทำให้ไทยเป็นประตูสู่อินโดจีน ปราจินตั้งใจจะจัดงานไลต์แอนด์ซาวด์แนวประวัติศาสตร์ มีรถสงคราม พร้อมหุ่นปั้นทหารญี่ปุ่นโชว์ มีของที่ระลึกขายนักท่องเที่ยว

ชายคนนี้ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จในชีวิตได้ด้วยความฝัน ความทะเยอทะยาน และจินตนาการที่กว้างไกลของเขาเอง

แม้วัยจะล่วงเลยเกษียณอายุงานมากว่า 10 ปีแล้ว ก็ยังไม่หยุดที่จะฝันและบุกเบิกเพื่อให้รุ่นที่สองได้สานต่อสิ่งที่เขาได้ทำไว้ตั้งแต่ต้น

ปราจินเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทเชี่ยวชาญดำเนินธุรกิจมานานถึง 47 ปี โดยเริ่มเมื่อปี 2513 เปิดตัวนิตยสารกรังด์ปรีซ์เป็นฉบับแรก หลังจากนั้นปี 2522 เริ่มจัดงานมหกรรมรถยนต์ ครั้งที่ 1 ปัจจุบันคืองานมอเตอร์โชว์

ปี 2522 เริ่มจัดงานมหกรรมยานยนต์รถมือสองและยนตรกรรมนำเข้าปัจจุบันคืองาน บางกอก ยูสคาร์โชว์และเริ่มทำเว็บไซต์หลักใหม่ของบริษัทเพื่อเป็นสื่อกลางนำเสนอข่าวและสาระด้านยานยนต์

"ตอนมีนิตยสารฉบับแรกยอดขายรถยนต์ปีละ 4 หมื่นคัน จนปัจจุบันยอดขายรถยนต์ปีละ 1.55 ล้านคัน เราโตมากับยอดขายรถยนต์"

การเกิดของกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ก็เกิดจากความคลั่งไคล้ในรถยนต์ของเขาเช่นกัน

จากจุดเริ่มต้นทำหนังสือชัยพฤกษ์กับอาจารย์เฟื่อง ณ นคร โดยรับหน้าที่เป็นฝ่ายศิลป์ สมัยนั้นล้วนมีนักเขียนระดับปรมาจารย์ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง อนุช อาภาภิรม ชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ เจ้าของบริษัท อมรินทร์ฯ ที่เป็นนักวิชาการพิสูจน์อักษร

"ผมเข้ามาก่อนคุณชูเกียรติและออกมาตั้งบริษัทก่อนคุณชูเกียรติ 6-7 ปี ด้วยความที่แม้ว่าเป็นฝ่ายศิลป์แต่ชอบเรียนรู้ ชอบอ่านหนังสือ ชอบดูงานต่างประเทศและชอบเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ แม้จัดหน้าหนังสือก็ไม่ต้องให้คนเล่าเรื่องให้ฟังเรียนลักพักจำทุกแผนก ผมเป็นคนขวนขวายหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ เรียนรู้งานทุกด้านที่เกี่ยวกับการทำหนังสือ"

ปราจินเป็นคนทะเยอทะยาน ทำให้กลายเป็นเจ้าของกิจการได้อย่างรวดเร็ว

"ที่บ้านผมพ่อเป็นข้าราชการ แม่ค้าขาย ครอบครัวมีลูก 8 คน และส่งลูกเรียนทุกคน คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่ถ้าตอนตายไม่มีตังค์ใช้ไม่ได้"

ปราจินชอบงานยาก ท้าทาย ดังนั้นงานใหญ่เขาจึงได้มาหมด ไม่ว่าจะเป็นการทำโรงพิมพ์ หรือสนามกอล์ฟ และกล้าที่จะเป็นหนี้ ชอบซื้อมาขายไปที่ดินที่เขาใหญ่ ปัจจุบันเขามีบ้านพักที่เขาใหญ่พื้นที่ 70 ไร่ ถนนในบ้านยาว 2 กิโลเมตร

"ผมเห็นคนเก่ง คนดัง ผมเจริญรอยตามเขาเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยรามคำแหง บริจาคที่ให้มหาวิทยาลัยและได้เป็น ดร.กิตติมศักดิ์ ปัจจุบันโรงรถที่บ้านสะสมรถไว้ถึง 30-40 คัน ไม่ว่าจะโรลส์-รอยซ์ เบนซ์ ผมเคยขี่มอเตอร์ไซค์มาก่อนคันละ 6,800 บาท ต้องผ่อนเดือนละ 375 บาท"

ฝันของเขาคือ สนามกอล์ฟที่กำลังจะสานฝันให้เป็นจริงนั้นคงตกทอดต่อยอดฝันไปถึงรุ่นหลานกว่าจะเป็นจริง