ความอัศจรรย์แห่งบุโรพุทโธ
วันนี้จะเล่าเรื่องบุโรพุทโธต่อ เพราะภาพที่เราเห็นปัจจุบัน พ.ศ. 2560
โดย ทิดมาก
วันนี้จะเล่าเรื่องบุโรพุทโธต่อ เพราะภาพที่เราเห็นปัจจุบัน พ.ศ. 2560 นั้น ต่างกับภาพที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทอดพระเนตร เมื่อ พ.ศ. 2439 หรือห่างกัน 121 ปี ข้อสังเกตหรือที่พระองค์ทรงพบเห็นนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป ที่เคยชำรุดทรุดโทรมก็บูรณะใหม่ แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลย ได้แก่ คำถามเรื่องศิลาที่ใช้สร้างบุโรพุทโธ ว่ามาจากไหน จนถึงบัดนี้ยังหาคำตอบไม่ได้
ประชุมพงศาวดารภาคที่ 54 พระบรมราชาธิบายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคราวเสด็จประพาสชวา เมื่อ พ.ศ. 2439 กล่าวถึงโบราณสถานบุโรพุทโธในหลายแง่มุม โดยเฉพาะการตั้งข้อสังเกตที่มาของหินที่ใช้สร้างบุโรพุทโธนั้น ว่ามาจากไหน ดังข้อความตอนหนึ่ง ว่า
ตื่นแต่เช้ากินข้าวแล้ว 2 โมงเช้าขึ้นบุโรพุทโธ วันนี้เป็นกลางวันได้พิจารณาโดยถ้วนถี่ทุกชั้นจนตลอดยอดพระเจดีย์ ตามที่กล่าวไว้ในหนังสือเก่าๆ ว่าได้สร้างแล้วเสร็จในปีศักราชชวา 1360 ถ้าแน่ดังนั้นก็ตกอยู่ในระหว่างเจ้าแผ่นดินเมืองมายาพหิส ตามที่สังเกตดูภูมิพื้นที่บุโรพุทโธผิดกันกับที่บรัมบานัน (พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสบรัมบานันแล้ว จึงเสด็จฯ บุโรพุทโธ) เป็นที่สูงกว่าที่แผ่นดินเหล่านั้นมาก ตัวหลังเนินที่ตั้งบุโรพุทโธสูงกว่าพื้นดินประมาณ 30 ฟิต
พระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งข้อสังเกตว่า เป็นที่น่าพิศวงนักหนาด้วยเรื่องศิลาที่เอามาใช้ ถึงว่าแม่น้ำโปรโดอยู่ใกล้ ก็ไม่ใคร่แลเห็นศิลาก้อนใหญ่ในนั้น หรือจะเป็นด้วยเขามราปี มาถมเสียมากก็ไม่ทราบ และจะสืบถามหาที่ตั้งกราตนในที่แห่งใดแห่งหนึ่งก็ว่าไม่มีร่องรอยเลย ถ้าได้ตั้งกราตนในที่นั้นคงจะมีศิลาที่ก่อกำแพงปรากฏอยู่บ้างเหมือนอย่างที่อื่นๆ แต่เขาว่ามีเครื่องที่สังเกตได้อย่างหนึ่ง ว่าในที่นี้คงจะเป็นที่มีหมู่ประชาชนมาตั้งทำมาหากินอยู่มาก ที่แผ่นดินยังจืดจะปลูกอันใดก็ไม่งามบริบูรณ์ต้องใช้ปุ๋ยมาก เพราะการที่ทำบุโรพุทโธนี้คงจะไม่ทำแล้วได้ในชั่วอายุเดียว คือไม่ต่ำกว่าร้อยปี และจะต้องใช้กำลังผู้คนมากมายนัก ถึงว่าไม่มีกราตนก็คงจะเป็นที่ประชุมแห่งคนทำงานนับด้วยหมื่นด้วยแสน
ยังมีพยานที่มีวัดศิลาอยู่ข้างล่างอีก 2 แห่ง คงจะเป็นวัดในหมู่บ้านคนหรือจะเป็นในเมือง ตัวบุโรพุทโธที่ตั้งอยู่บนหลังเนินนั้น ถ้าดูตามตัว ลูกเนินและทางที่ตัดขึ้นกับลานหน้าประสังคระหันดูเหมือนตั้งเบี้ยวไม่ตรงตามเหลี่ยมเนิน แต่ที่จริงเขาตั้งหันหาทิศ บรรดาการก่อสร้างศิลาทั้งปวงในชวาคงจะหันหน้าทิศตะวันออก หันหลังทิศตะวันตกโดยมาก
แต่บุโรพุทโธนี้ ไม่มีหน้าไม่มีหลังก็จริง แต่เขาก็หันเหลี่ยมให้ตรงทิศใหญ่ทั้ง 4 ได้วัดฐานชั้นล่างเกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ผิดกันอยู่ 2 ศอกคืบเท่านั้น จะเป็นด้วยวัดเคลื่อนคลาดเมื่อแรกทำหรืออย่างไร คงตั้งใจจะให้เป็น 4 เหลี่ยม คือด้านตะวันออก ตะวันตกยาว 2 เส้น 12 วาเต็ม ด้านเหนือใต้ยาว 2 เส้น 11 วาศอกคืบ สูงแต่พื้นเนินถึงบัลลังก์พระเจดีย์กลาง 40 เมเตอร์ หลังเนินสูงจากทะเล 380 เมเตอร์ ชั้นล่างยกพื้นสูงเกินส่วนไม่มีพนักเดี๋ยวนี้นับว่าเป็นลานที่ตั้งบุโรพุทโธ มีบันไดและซุ้มประตูเป็นชั้นๆ ตรงขึ้นไปทั้ง 4 ทิศ ตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 5 เป็นไม้สิบสองย่อเก็จ
ชั้นที่ 1 เป็นฐานบัทม์ ชั้นบนๆ ขึ้นไปมีหน้ากระดานบัวคว่ำบัวหงายตั้งพนักรอบทั้ง 5 ชั้น ที่พนักชั้นล่างด้านข้างนอกมีเสาคั่นเป็นห้องๆ คือห้องเล็กเทวรูปรูปเดียว สองข้างที่ห้องกลางใหญ่หน่อย เทวรูป 3 รูปเป็นภาพยืน ที่ตรงซุ้มตั้งพระพุทธรูป มีเสาคั่นข้างละ 2 เสา ในกลางห้องกว้างเท่าเรือนแก้ว มีเทวรูปนั่งท่าต่างๆ และมีเครื่องตั้งต่างๆ กัน เว้นระยะพอสมควร มีท่อน้ำทำเป็นหน้านาคอ้าปาก แต่นาคนั้นคล้ายเหรา ที่ดอกเตอร์โกรนแมน ว่าช้าง สำหรับเป็นทางน้ำฝนตกจากพื้นลานทุกชั้น
พนักด้านในมีเสาคั่นเป็นห้องๆ ในระหว่างเสาสลักเป็นภาพเรื่องต่างๆ มีรูปคนมากบ้างน้อยบ้าง เดาไม่ออกว่าจะเป็นเรื่องอะไรแปลกๆ กันทุกห้อง หลังพนักพ้นลายกรอบข้างบนขึ้นไปตั้งคูหาลึกสักศอกเศษ ด้านหลังร้านหลังคาโค้งเป็นเรือนแก้ว ในเรือนแก้วนั้นมีพระพุทธรูปหน้าตักสัก 2 ศอก หลังซุ้มมีพระเจดีย์กลมรูปต่อน้ำมีบัลลังก์ แต่ยอดเป็นเสากลมๆ ไม่มีปล้องไฉนและลูกแก้วข้างบน ในระหว่างคฤหและคฤหต่อกัน เป็นกำแพงตัน มีเสาและมีลายสลักรูปภาพ ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 5 ไม่มีฐานบัทม์ มีแต่ลายกรอบบนและล่าง ชั้น 2 ชั้น 3 ปันเป็น 2 ตอน มีลายคั่นกลาง ตอนบนเป็นปฐมสมโพธิ์ ตอนล่างเป็นชาดก พนักด้านในเป็นชาดก น่าที่จะเป็น 550 ชาติ แต่จำเรื่องไม่ใคร่จะได้ จึงดูไม่ใคร่จะถูก
อย่างไรก็ตาม เมื่อติดตามดูโครงสร้างแล้ว ในหนังสือนำเที่ยวอินโดนีเซีย ว่าบุโรพุทโธเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ด้วยรูปแบบและรายละเอียดของศิลปะจากความคิดของช่างในสมัยนั้น โดยสร้างตามแบบศิลปะฮินดู-ชวา หรือศิลปะชวาภาคกลาง ที่ผสมผสานศิลปะระหว่างอินเดียกับอินโดนีเซียเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน


