สาวออฟฟิศระวังเป็น ‘ช้ำรั่ว’
เรื่อง บีเซลบับภาพ เอเอฟพีสาวออฟฟิศวันนี้ เสี่ยงเป็นโรคภาวะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน หรือโรคช้ำรั่ว (Overactive Bladder-OAB) เพราะไลฟ์สไตล์การทำงานที่เร่งรีบ การจราจรที่ติดขัด ทำให้ต้องอั้นปัสสาวะ มีอาการปัสสาวะเล็ด หรือมีปัสสาวะรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ คุณภาพชีวิตแย่ และเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนอีกต่างหาก
เรื่อง บีเซลบับภาพ เอเอฟพี
สาวออฟฟิศวันนี้ เสี่ยงเป็นโรคภาวะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน หรือโรคช้ำรั่ว (Overactive Bladder-OAB) เพราะไลฟ์สไตล์การทำงานที่เร่งรีบ การจราจรที่ติดขัด ทำให้ต้องอั้นปัสสาวะ มีอาการปัสสาวะเล็ด หรือมีปัสสาวะรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ คุณภาพชีวิตแย่ และเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนอีกต่างหาก
ศ.นพ.วชิร คชการ หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบภาวะโรคปัสสาวะบีบตัวไวเกิน หรือโรคช้ำรั่ว เพิ่มขึ้นถึง 21.3% และพบในหญิงที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ
เดิมพบโรคนี้ในผู้สูงอายุ โดยมากกว่า 30% พบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หากปัจจุบันเริ่มพบในหญิงวัยทำงาน 30-40 ปี นั่นเพราะไลฟ์สไตล์ที่แข่งขันสูง มีการทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมง ออกนอกสถานที่เผชิญปัญหารถติด อั้นปัสสาวะ เหล่านี้ล้วนเป็นต้นเหตุของโอเอบีในหญิงอายุน้อย
สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของอวัยวะที่มีส่วนในการควบคุมการปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ระบบหูรูด กล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน ระบบประสาทที่ควบคุมการกลั้นและขับปัสสาวะ รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงบางอย่าง เช่น การดื่มน้ำน้อย กลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการบีบตัวผิดปกติจนกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
นอกจากนั้น คนที่เคยผ่าตัดมดลูกอาจมีการเสื่อมของหูรูด และการหย่อนยานของผนังช่องคลอดรวมทั้งบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะ ทำให้บริเวณคอกระเพาะปัสสาวะปิดไม่สนิท เกิดอาการปัสสาวะรั่วออกมา ส่วนในวัยสูงอายุและประจำเดือนหมดแล้วฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลง ทำให้เยื่อบุในท่อปัสสาวะขาดความยืดหยุ่น ทำให้ปัสสาวะรั่วซึมได้
"อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เดี๋ยวนี้พบได้ในทุกเพศทุกวัย ปัญหาของโรคนี้คือ ผู้ที่ป่วยส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าตัวเองเป็น ทำให้อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ" ศ.นพ.วชิร เล่า
3 อาการสำคัญของโรคช้ำรั่ว!
1.อาการปวดราด คือปวดปัสสาวะรุนแรงจนเล็ดราดออกมา ไม่สามารถรอไปเข้าห้องน้ำได้ทัน ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ จะรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยมากกว่า 8 ครั้งขึ้นไปต่อวัน
2.ปัสสาวะเล็ดจากการไอ จาม หรือหัวเราะ มักพบในผู้หญิงที่เริ่มมีอายุ น้ำหนักตัวมาก เคยมีประวัติคลอดบุตรหลายคน เคยมีการผ่าตัดบริเวณรอบท่อปัสสาวะ หรือเคยรับการฉายรังสีรักษาบริเวณนั้นมาก่อน
3.ปัสสาวะราด คือเมื่อปวดปัสสาวะก็ไหลออกมาเลย ไม่สามารถกลั้นได้
"ถ้าต้องการขับปัสสาวะมากกว่า 8 ครั้ง/วัน มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ โดยมีการเล็ดราดของปัสสาวะโดยไม่สามารถควบคุมได้ ที่เกิดจากความรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างฉับพลัน และในช่วงเวลากลางคืนต้องตื่นขึ้น เพื่อไปปัสสาวะตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป ถ้าครบทั้ง 3 ข้อ ควรปรึกษาแพทย์"
ศ.นพ.วชิร เล่าว่า ช้ำรั่วไม่ใช่โรคอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต แต่ทำให้เกิดความรำคาญ มีผลต่อสุขภาพจิตและการดำเนินชีวิตประจำวันหลายด้าน สูญเสียความมั่นใจที่จะเข้าสังคม บั่นทอนการประกอบอาชีพ คุณภาพชีวิตแย่ ต้องวนเวียนอยู่บริเวณห้องน้ำ รู้สึกเสี่ยงที่จะออกนอกบ้าน ความนับถือตัวเองลดลง
ทางเลือกในการรักษาโอเอบี
1.ดื่มเครื่องดื่มอย่างน้อย 1-1.5 ลิตร/วัน โดยดื่มให้น้อยลงทั้งก่อนและระหว่างการเดินทางที่ใช้เวลานาน ดื่มให้น้อยลงในตอนเย็นเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องตื่นเพื่อลุกไปปัสสาวะตอนกลางคืน
2.ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เนื่องจากจะเพิ่มการผลิตปัสสาวะและระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะ
3.อาหารบางชนิดอาจระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะและทำให้อาการของโอเอบีแย่ลง การลดสารให้ความหวานเทียม อาหารรสเผ็ด ผลไม้และน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวในอาหารอาจช่วยให้อาการดีขึ้น
4.รักษาระดับน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
5.การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน การขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่เรียกว่า การบริหารแบบ Kegel ช่วยระงับความต้องการปัสสาวะอย่างเร่งด่วนและทำให้กล้ามเนื้อคงความแข็งแรง
6.การผ่าตัด สงวนไว้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น
Check in OAB ชีวิตดี เมื่อโอเอบีรักษาได้ ทำความเข้าใจเรื่องโอเอบี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลรามาธิดี ในวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ย.นี้ เวลา 13.00-16.30 น. ที่เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ไม่เสียค่าใช้จ่าย สำรองที่นั่งโทร. 08-3291-1188 หรือลงทะเบียนผ่านอีเมล [email protected] หรือ https://goo.gl/hxEtGB n


