posttoday

ของฝากจากมุมไบ (10)

12 พฤศจิกายน 2560

นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน เมื่อพูดถึงมุมไบ เรื่องหนึ่งที่จะไม่พูดไม่ได้ก็คือ "บอลลีวู้ด" (Bollywood) คืออุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดีย ซึ่งมีฐานใหญ่อยู่ที่มุมไบ คำคำนี้เป็นการผูกศัพท์จากสองคำที่มีรากฐานต่างกัน (Portmanteau) คือคำว่า บอมเบย์ กับ ฮอลลีวู้ด

นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน

เมื่อพูดถึงมุมไบ เรื่องหนึ่งที่จะไม่พูดไม่ได้ก็คือ "บอลลีวู้ด" (Bollywood) คืออุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดีย ซึ่งมีฐานใหญ่อยู่ที่มุมไบ คำคำนี้เป็นการผูกศัพท์จากสองคำที่มีรากฐานต่างกัน (Portmanteau) คือคำว่า บอมเบย์ กับ ฮอลลีวู้ด

คำคำนี้ จริงๆ แล้วมาจากคำว่า "ทอลลีวู้ด" (Tollywood) ซึ่งเป็นคำเรียกอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในย่าน ทอลลีคังเค (Tollygunge) ในนครกัลกัตตาในแคว้นเบงกอล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการภาพยนตร์ของอินเดียในระยะเริ่มต้น ตั้งแต่ราว พ.ศ. 2475 ปัจจุบันคำว่าทอลลีวู้ดยังคงหมายถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในเทลังคณา และอันตรประเทศ คำว่าบอลลีวู้ด เพิ่งมาเรียกกันในทศวรรษ 1970 เมื่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียเติบโตจนแซงหน้าฮอลลีวู้ด ซึ่งขณะนั้นฐานใหญ่ย้ายไปอยู่ที่มุมไบแล้ว ปัจจุบัน "บอลลีวู้ด" มีส่วนแบ่งการตลาดภาพยนตร์ใหญ่ที่สุดในอินเดีย แต่ก็เพียงร้อยละ 43 เท่านั้น

ภาพยนตร์อินเดียมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมดั้งเดิมผสมผสานกับอิทธิพลจากภายนอก โกคัลซิง และทิศนายก สรุปว่าภาพยนตร์อินเดียได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ รวม 6 ด้าน ได้แก่

หนึ่ง มหากาพย์ของอินเดียเอง คือ มหาภารต และรามายณะ ทั้งเรื่องราวและวิธีเล่าเรื่องซึ่งมีทั้งเทคนิคการเล่าย้อน เล่าเรื่องแตกแขนงออกไป และเรื่องซ้อนเรื่อง

สอง ศิลปะนาฏยศาสตร์ดั้งเดิม ทั้งดนตรี การร่ายรำ การละคร ทั้งละครพูด ละครร้อง และละครใบ้

สาม การแสดงพื้นบ้านในถิ่น ต่างๆ ได้แก่ ยาตราในเบงกอล รามลีลาในอุตตรประเทศ และเตรักกัตตู ในทมิฬนาฑู

สี่ ศิลปะการละครของชาวปาร์ซี ซึ่งประสมประสาน จินตนาการ ดนตรี การร่ายรำ การเล่าเรื่อง บทสนทนา และศิลปะการแสดงบนเวที เป็นเรื่องรักโศกสะเทือนอารมณ์ ผสมอารมณ์ขัน บทเพลงรัก ดนตรี และทักษะบนเวทีละครอันละลานตา

ห้า อิทธิพลของฮอลลีวู้ด ทั้งใน แง่เทคนิค เรื่องราวที่นำเสนอ ที่เน้นเรื่องกามารมณ์ และความรุนแรง แต่บอลลีวู้ดยังรักษาเอกลักษณ์สำคัญ ที่ยังผูกพันกับเทพนิยาย ประวัติศาสตร์ เพลง และการร่ายรำ รวมทั้งการเล่าเรื่องในแบบของตนเอง

หก อิทธิพลของเพลงตะวันตกโดยเฉพาะมิวสิควิดีโอ ที่สื่อผ่านโทรทัศน์เอ็มทีวี ซึ่งมีอิทธิพลตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ทำให้เกิดการปรับตัวอย่างมากของทั้ง เพลงและท่าเต้นในภาพยนตร์อินเดีย

ในทางตรงข้าม บอลลีวู้ดสามารถสร้างอิทธิพลต่อตะวันตก โดยเฉพาะในการเสนอประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติตน เมฆนาท เทศัย นักประวัติศาสตร์ และนักเศรษฐศาสตร์ชาวอินเดีย ชี้ว่า "ภาพยนตร์เป็นสื่อที่ทรงพลังที่สุดในการบอกเล่าเรื่องราวของอินเดีย โดยเฉพาะเรื่องราวการต่อสู้เพื่อเอกราช การสร้างชาติ และนำพาชาติสู่สังคมโลก"

ในทางเทคนิค ภาพยนตร์เพลงของบอลลีวู้ดบางเรื่องมีอิทธิพลต่อฮอลลีวู้ด เช่น ภาพยนตร์เรื่อง มูแลงรูจ (Moulin Rouge) ซึ่งออกฉายในปี 2544 ได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์เพลงของบอลลีวู้ด ซึ่งความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนั้น ช่วยฟื้นให้ภาพยนตร์เพลงหลายเรื่องของฮอลลีวู้ดประสบความสำเร็จ เช่น ชิคาโก ดรีมเกิร์ลส์ และ "ผีโรงละคร" (The Phantom of the Opera) ของแอนดรูว์ ลอยด์ เวบเบอร์

ภาพยนตร์เรื่อง "ฝันของมุมไบ" (Bombay Dreams) ของแอนดรูว์ ลอยด์ เวบเบอร์ เพลงประกอบแต่งโดย เอ. อาร์. ราห์มาน นักประพันธ์เพลงชาวอินเดีย ภาพยนตร์เพลงเรื่อง ลากาน (Lagaan) ของบอลลีวู้ด ได้รับเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองในฐานะภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมในปี 2544 ภาพยนตร์เรื่อง "เศรษฐีจากสลัม" (Slumdog Millionaire) ซึ่งได้ 4 รางวัลลูกโลกทองคำ และ 8 รางวัลตุ๊กตาทองในปี 2551 ก็สร้างจากแรงบันดาลใจของภาพยนตร์จากบอลลีวู้ด

อุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดีย สร้างผู้กำกับภาพยนตร์มีชื่อเสียงระดับโลกหลายคน ที่คนไทยรู้จักดี เช่น สัตยาจิต เรย์ และดาราชื่อดังที่โด่งดังในเมืองไทย เช่น มีนา กุมารี, เฮมา มาลินี และภาพยนตร์ระดับตำนาน เช่น ธรณีกรรแสง (Mother India) ซึ่งสร้างในปี พ.ศ. 2500 และมาฉายอยู่ในเมืองไทยนานหลายเดือน เรียกน้ำตา ผู้ชมไปมากมาย

ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งภาพยนตร์อินเดีย คือ ทาทาสาเหบ ฟัลเก (Datasaheb Phalke) ดาราชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ อมิตาภ ภัชจัน (Amitabh Bachchan) ดาราหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ มธุรี ทิกษิต (Madhuri Dixit) ซึ่งโด่งดังในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990

แน่นอนว่า เพลงและการร่ายรำคือหัวใจของภาพยนตร์อินเดีย ภาพยนตร์เรื่องใดไม่มีเพลงและการร่ายรำ โอกาสจะประสบความสำเร็จมีน้อยมาก ดาราหญิงที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากมีลีลาการร่ายรำที่ประทับใจผู้ชม ทั้งมธุรี ทิกษิต, มีนา กุมารี, เฮมา มาลินี และมุมตัซ แต่มีน้อยรายที่ร้องเพลงด้วยตนเอง ส่วนใหญ่เป็นนักร้องแทน (Playback Singers) ที่โดดเด่น คือ คิชอร์ กุมาร (Kishore Kumar) และโมฮัมเมด ราฟี (Mohammed Rafi) อีกคนคือ มันเฆสการ (Mangeshkar) ซึ่งทำหน้าที่ยาวนานถึงหกทศวรรษ ร้องเพลงในภาพยนตร์นับพันเพลง

การที่มีคนอินเดียอพยพไปตั้งถิ่นฐานทั่วโลก โดยยังคงรักษาวัฒนธรรมความเป็นอินเดีย และอยู่กันเป็นชุมชนอินเดีย ทำให้ภาพยนตร์อินเดียมีลูกค้าทั่วโลก และนอกจากเพราะลูกค้าเป็นชาวอินเดียแล้ว เอกลักษณ์ของภาพยนตร์อินเดีย ที่เน้นความบันเทิงอย่างมีศิลปะ และเรื่องราวการต่อสู้ ทั้งเพื่อเอกราช การต่อสู้กับความลำบากยากจน และการกดขี่ทางเพศ ก็เป็นแรงดึงดูดสำคัญ ทำให้ภาพยนตร์อินเดียเป็นที่ยอมรับทั้งในสหรัฐ แคนาดา แอฟริกา ญี่ปุ่น เอเชีย เป็นต้น ในยุคสหภาพโซเวียตซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับอินเดีย ภาพยนตร์อินเดียพากย์ภาษารัสเซียก็เป็นที่นิยม แต่เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ฮอลลีวู้ดเข้าไปมีอิทธิพล ภาพยนตร์อินเดียก็ต้องปรับตัว วิธีการหนึ่งที่บอลลีวู้ดรักษาลูกค้าในต่างประเทศ คือการถ่ายทำในต่างประเทศ

เมื่อเร็วๆ นี้ ภาพยนตร์แฟนตาซีของ ทอลลีวู้ด เรื่องบาหุบะลี (Baahu bali) ก็ไปทำเงินนับร้อยล้านในสหรัฐ จนต้องมีภาค 2 และภาพยนตร์ของบอลลีวู้ดเรื่องทังคาล (Dangal) ซึ่งเป็นเรื่องของหนุ่มนักมวยปล้ำ นำแสดงโดยพระเอกคนดังอะเมียร์ข่าน ก็ทำรายได้ถล่มทลายในจีน

มีอีกเรื่องที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียคือ ในปี พ.ศ. 2498 สมาคมแต่งหน้าและแต่งผมในบอลลีวู้ด ได้ออกกฎหมายห้ามผู้หญิงเป็นสมาชิก กฎนี้สืบทอดมาจนถึงปี 2557 ศาลสูงสุดอินเดียจึงตัดสินว่ากฎดังกล่าวไม่มีเหตุผลและขัดรัฐธรรมนูญ ปีต่อมา ชารู ขุรานา (Charu Khurana) ได้เป็นสมาชิกสตรีของสมาคมช่างแต่งผมแต่งหน้าของบอลลีวู้ดคนแรก n

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"