เมล็ดมะขาม เป็นได้มากกว่าที่คิด
รสชาติมะขามแสนอร่อยที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นมะขามหวานรับประทานสดๆ หรือแปรรูปมาเป็นขนมอื่นๆ มานานหลาย 10 ปี
โดย กั๊ตจัง
รสชาติมะขามแสนอร่อยที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นมะขามหวานรับประทานสดๆ หรือแปรรูปมาเป็นขนมอื่นๆ มานานหลาย 10 ปี
โดยมีการส่งออกจำหน่ายต่างประเทศปีละ 28.29 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศมากมายมหาศาล แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหลืออย่างน่าเสียดาย ก็คือเมล็ดที่เหลือทิ้งจากการส่งออกเนื้อมะขามเหล่านี้
วรัชยา จันจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิ่นเพชร บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายมะขามหวานของประเทศไทย กล่าวว่า
“ทุกปีจะมีเมล็ดมะขามเหลือทิ้งจากการผลิตอยู่ราวๆ 200 ตัน/ปี แต่บริษัทสามารถส่งออกเมล็ดมะขามได้ราวๆ ปีละ 60 ตัน/ปี ไปยังประเทศญี่ปุ่นและจีน เพื่อสกัดเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมสีเพียงกิโลกรัมละ 2-3 บาท”
วรัชยา บอกว่า บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการวิจัยร่วมกับ รศ.ดร.วุฒิชัย นาครักษา อาจารย์ประจำคณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อนำเมล็ดมะขามมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น อันเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเมล็ดมะขามจำนวนมากเหล่านี้
รศ.ดร.วุฒิชัย จึงให้ข้อมูลต่อเพิ่มเติมว่า ได้เริ่มโครงการวิจัยสกัดเจลโลสจากแป้งเมล็ดมะขาม ทำให้เกิดเจลนำไปใช้ทดแทนเพคตินในผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยนำเข้าเพคตินมูลค่าปีละกว่า 300 ล้านบาท
“ทำให้เกิดเจลที่ได้จากแป้งเมล็ดมะขามมีลักษณะคล้ายเพคติน เรียกว่าเจลโลส จากเมล็ดมะขามแต่มีความคงทนแข็งแรงกว่าเพคตินที่นำเข้าจากต่างประเทศ สามารถนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์หลายประเภทได้ เช่น ความสวยความงาม บรรจุภัณฑ์ การแพทย์ และอาหาร”
รศ.ดร.วุฒิชัย อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ในเมล็ดมะขามมีโพลีแซ็กคาไรด์ที่มีคุณสมบัติเป็นเจลเมื่อละลายอยู่ในน้ำ สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลายแบบ ส่วนมากใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมเส้นใย ช่วยให้ความเหนียวแก่เส้นใยเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและเภสัชกรรมใช้เป็นตัวนำพาตัวยา และอุตสาหกรรม อาหารซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเจลโลส
“การทดลองใช้งานจริง เราเริ่มจากด้านการแพทย์ ได้ทดลองพัฒนาต่อเป็นฟิล์มแปะแผลชีวภาพ โดยร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นการใช้ปิดบาดแผล โดยทดลองกับบาดแผล 3 ลักษณะ คือ บาดแผลกดทับ บาดแผลจากอุบัติเหตุทุกชนิด และบาดแผลเรื้อรังจากโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง และเบาหวาน ข้อดีของเจลโลสฟิล์ม คือ ย่อยสลายได้ด้วยกระบวนการทางชีวภาพ (Biodegradable) และยังเสริมโครงร่างให้แก่แผลได้
ต่อมาได้ทดลองใช้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอาหาร จนได้เจลลี่มะขามและไอศกรีมเจลาโต้ โดยทำการพัฒนาสูตรและกระบวนการผลิต การทดสอบคุณสมบัติและประเมินคุณภาพ พบว่าให้สัมผัสต่อคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ด้านสี กลิ่น ลักษณะปรากฏ รสชาติ และความชอบที่ดีเป็นที่ยอมรับ”
เวลานี้กระบวนการมาถึงในขั้นหาผู้ร่วมทุนวิจัยต่อ เพื่อทำการขยายกำลังการผลิตเจลโลสจากแป้งเมล็ดมะขามในระดับอุตสาหกรรม
“จากเดิมที่ผลิตวันละ 50 กิโลกรัม เป็นวันละ 200 กิโลกรัม และศึกษาสภาวะเงื่อนไขต่างๆ เพื่อขยายกำลังการผลิต ศึกษาสมบัติต่างๆ ของแป้งเมล็ดมะขามที่ผลิตได้ แล้วศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของธุรกิจ และผลการทดสอบตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ได้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงการสำรวจตลาดและการตอบรับของผู้ใช้ระดับอุตสาหกรรม” รศ.ดร.วุฒิชัย กล่าวด้วยความภูมิใจ
อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์เจลลี่และไอศกรีมจากเมล็ดมะขามวางจำหน่ายในร้านอาหารปิ่นเพชร และร้านขายของฝากใน จ.เพชรบูรณ์ และพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้จากเดิมเมล็ดมะขามในราคากิโลกรัมละ 2-3 บาท สามารถทำผลิตภัณฑ์แปรรูปมะขาม จากเพียงแค่เป็นมะขามแก้ว มะขามกวน และทอฟฟี่มะขาม ได้เกิดช่องทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด
ทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการแปรรูปเมล็ดมะขามได้อีกประมาณ 5-10 ล้านบาท/ปี จากเดิม 40-50 ล้านบาท/ปี และยังไม่นับการลงทุนในอนาคตที่สามารถเพิ่มมูลค่าจากเจลโลสได้อีกมากมาย


