6เทรนด์นวัตกรรมอาหาร โอกาสผู้ประกอบการไทย
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ได้เปิดเผย 6 แนวโน้มธุรกิจอาหารในอนาคต
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ได้เปิดเผย 6 แนวโน้มธุรกิจอาหารในอนาคต กระตุ้นผู้ประกอบการอาหารไทยมุ่งผลิตสินค้าเพื่อรับมือ ช่วงชิงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารโลก
"พันธุ์อาจ ชัยรัตน์" ผู้อำนวยการ สนช. เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตของประเทศไทย ที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ภาคธุรกิจสามารถที่จะเตรียมรับมือ พร้อมที่จะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เจาะตลาดในอนาคตได้ รวมถึงทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่ผู้นำในการกำหนดเทรนด์นวัตกรรมอาหารในโลกให้ได้
สำหรับ 6 เทรนด์หลักนวัตกรรมอาหารจะประกอบด้วย 1.ความหลากหลายของประชากร ที่เป็นผลมาจากปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสถานการณ์การเมือง ส่งผลทำให้เกิดการผลิตอาหารเพื่อเฉพาะบุคคล เช่น การผลิตอาหารที่ เหมาะกับดีเอ็นเอของแต่ละบุคคล ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกอาหารที่ต้องการให้เหมาะกับดีเอ็นเอ ต่อมา การผลิตอาหารที่เป็นยา จะเป็นอาหารเพื่อการบำบัด รักษาโรค ที่ปรุงขึ้นมาเฉพาะและมีสูตรที่แน่นอน เช่น อาหารสำหรับ ผู้ป่วยโรคไต โรคความดัน เป็นต้น
2.การขยายตัวของสังคมเมือง ส่งผลทำให้เกิดทั้งอาหารสำหรับคนเมือง โดยเป็นอาหารที่มีลักษณะพิเศษ และพัฒนาให้สอดคล้องกับคนเมือง เช่น อาหารที่เป็นพรีเมียมฟู้ด และแฟชั่นฟู้ด เป็นต้น ต่อมา นวัตกรรมการขนส่งอาหาร เป็นการขนส่งอาหารรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น การใช้โดรนขนส่งอาหาร ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐ อาหารไร้ข้อจำกัด ที่เป็นอาหารสดใหม่และสามารถซื้อได้ง่ายทุกเวลา เช่น จัดเป็น ป๊อปอัพ เรสเทอรองต์ หรือจากเครื่องปรุงอาหารสด และเกิดพื้นที่สร้างสรรค์และนวัตกรรมอาหาร รูปแบบฟู้ด เวิร์กกิ้ง-สเปซ
3.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ทำให้เกิดแนวโน้ม ทั้งการผลิตอาหารในเมือง เช่น สามารถ ผลิตอาหารได้ในพื้นที่จำกัด โดย ไม่ต้องนำเข้าทรัพยากรจากพื้นที่อื่น ต่อมา การปรุงอาหารโดยใช้หุ่นยนต์และเครื่องพิมพ์ เช่น การใช้หุ่นยนต์เป็นเชฟ และใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ การสร้างโปรตีนจากการเพาะเลี้ยง ที่เป็นโปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์ที่พัฒนามาจากการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ และการเข้าถึงข้อมูลอาหารผ่านระบบดิจิทัล ทำใช้จากทั้งเอไอ บิ๊กดาต้า และอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์
4.เศรษฐกิจนวัตกรรมอาหาร จึงผลักดันทำให้เกิดทั้ง วัฒนธรรมการ กินอาหารแบบดั้งเดิม ที่เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาหารผ่านการสืบสานวัฒนธรรมและธรรมเนียมประเพณี เช่น อาหารประจำชาติของแต่ละประเภท ต่อมา อาหารพื้นที่มูลค่าใหม่ โดยเป็นอาหารพื้นที่สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม และอาหารโดยนักเศรษฐศาสตร์และนักสร้างสรรค์อาหาร ส่งผลทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยสามารถผลักดันสร้างมูลค่าเพิ่มให้อาหารท้องถิ่นได้อย่างมาก
5.วิกฤตการเดินทางอาหาร ที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีขึ้นทั่วโลก ส่งผลทำให้เกิด การสร้างอาหารเพื่อรับมือภัยพิบัติ จะเป็นอาหารแปรรูปที่คงความสดใหม่ รสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ ต่อมา การสร้างคุณค่าอาหารกลับมาบริโภคใหม่ ที่เป็นการนำอาหารก่อนจะเป็นของเสีย มาดัดแปลงเพื่อบริโภคใหม่ อาหารธรรมชาติคงคุณค่าสารอาหาร ที่เป็นอาหารที่ปรุงน้อยที่สุดและคงรสชาติตามธรรมชาติ และอาหารที่บริโภคไม่เหลือทิ้ง
6.แนวโน้มการเกิดสงครามอาหาร มาจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และความไม่แน่นอนในโลก มีผลทำให้เกิดการปกป้องอาหาร ที่จะเป็นทั้ง มาตรการป้องกันอาหารให้มีความปลอดภัย ป้องกันการปนเปื้อน ต่อมา การประกันความพอเพียงของอาหาร และการเดินทางของอาหาร ส่งผลให้เกิดการย้ายฐานการผลิตไปในประเทศที่มีการกีดกันทางการค้า
"พันธุ์อาจ" กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นจะเป็นแนวทางที่ผู้ประกอบการไทยสามารถเตรียมผลิตอาหารดังกล่าวเพื่อเจาะตลาดได้และก้าวสู่ผู้นำในตลาดดังกล่าวได้ รวมถึง สนช.พร้อมที่จะปรับหลักเกณฑ์การให้ทุนการสร้างนวัตกรรมแก่ผู้ประกอบการตามแนวโน้มดังกล่าวด้วย
ด้าน "สุรอรรถ ศุภจัตุรัส" ผู้จัดการฝ่ายยุทธศาสตร์นวัตกรรม สนช. กล่าวว่า แนวโน้มเทรนด์นวัตกรรมอาหารกำลังเกิดขึ้นในโลก และในต่างประเทศเริ่มมีการผลิตสินค้าอาหารเพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคแล้ว ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถเข้าไปขยายตลาดอาหารในอนาคตได้


