posttoday

สระผมแล้วไม่จ่าย ผิดฉ้อโกงหรือไม่

17 ตุลาคม 2560

เดชา กิตติวิทยานันท์เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา มีข่าวดราม่ากรณีหญิงสาวชาวไต้หวันสองคน โทรศัพท์สั่งจองล่วงหน้าเพื่อสระผม ที่ร้านดังย่านสยามสแควร์ ต่อมามีกรณีพิพาทโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นรายประเด็นดังนี้

เดชา กิตติวิทยานันท์

เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา มีข่าวดราม่ากรณีหญิงสาวชาวไต้หวันสองคน โทรศัพท์สั่งจองล่วงหน้าเพื่อสระผม ที่ร้านดังย่านสยามสแควร์ ต่อมามีกรณีพิพาทโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นรายประเด็นดังนี้

ประเด็นแรก ราคาโดยลูกค้ายืนยันว่าตกลงกัน 250 บาท แต่เจ้าของร้านคิด 350 บาท ถ้าเป็นความจริงก็ถือว่าเจ้าของร้านผิดสัญญา

ประเด็นที่สอง โต้เถียงกันเรื่องน้ำที่ใช้สระผมเป็นน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นเพราะลูกค้าอ้างว่าต้องเป็นน้ำอุ่น น้ำเย็นจะทำให้เป็นหวัด ถ้าเป็นความจริงก็ถือว่าชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามความประสงค์แห่งมูลหนี้ เจ้าของร้านผิดสัญญา

ประเด็นที่สาม โต้เถียงกันเรื่องการให้บริการที่ไม่ดี ธรรมเนียมของคนไต้หวันไม่ต้องชำระค่าบริการและเจ้าของกิจการต้องขอโทษ ผมไม่เชื่อว่าถ้าไม่พอใจการให้บริการแล้วมีสิทธิเบี้ยวไม่ต้องจ่ายค่าบริการ ไม่น่าจะเป็นธรรมเนียมของไต้หวัน

น่าจะเป็นการแกล้งโง่หรือที่โซเชียลมีเดียเรียกว่า "ทำเนียน" มากกว่าครับ หากลูกค้าเห็นว่าน้ำเย็นไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันก็น่าจะให้คนสระผมหยุดสระผมทันที เพราะอ้างว่ากลัวเป็นหวัด แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏให้สระผมจนเสร็จแล้วไม่จ่ายค่าบริการถือว่าลูกค้าผิดสัญญา

ประเด็นที่สี่ มีการด่าทอกันใช้ถ้อยคำหยาบคาย การประกอบธุรกิจผู้ให้บริการต้องมีจิตใจให้บริการไม่ควรแสดงกิริยาก้าวร้าว หรือใช้คำพูดหยาบคายกับลูกค้า ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก เพราะเมื่อออกสื่อไปจะทำให้ภาพลักษณ์การบริการของประเทศเสียหาย และอาจมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393 อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 445/2522 ฎีกาที่ 73173/2558

ประเด็นที่ห้า มีการทำลายมือถือของลูกค้า โดยตบมือถือร่วงลงกับพื้นแต่ไม่เสียหาย มีความผิดฐานพยายามทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80 มาตรา 358

ประเด็นที่หก เมื่อลูกค้าไม่จ่ายเงิน ปิดไฟแล้วขังลูกค้าไว้ในร้านไม่ให้ออกไปไหน แล้วบังคับให้ชำระค่าบริการ 250 บาท มีความผิดฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 มาตรา 310 ทวิ

ประเด็นที่เจ็ด ความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 มีองค์ประกอบความผิดสองอย่างดังนี้

(1) โดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง

(2) โดยการหลอกลวงเช่นว่านั้น ได้ทรัพย์สินไปจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ

ประเด็นที่แปด ความผิดฐานฉ้อโกงต้องเป็นการหลอกลวงเพื่อให้ได้ทรัพย์สินไป การหลอกลวงที่จะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงนั้น หลังจากหลอกลวงแล้วผู้เสียหายหรือบุคคลที่สามต้องมีการสูญเสียทรัพย์สิน หรือส่งมอบทรัพย์สินให้กับผู้หลอกลวงหรือบุคคลที่สาม

อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 2728/2557 ถ้าผลของการหลอกลวง ทำให้ได้รับบริการเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 7262/2543

ประเด็นที่เก้า ไปสั่งอาหารกินในภัตตาคารสั่งเสร็จก็บริโภค เสร็จในสถานที่ในเวลาต่อเนื่องกันที่ร้านอาหารของผู้ขายพอกินอิ่ม ก็ไม่ชำระราคาค่าอาหาร ผิดฐานฉ้อโกงค่าอาหารตามมาตรา 345 หรือไม่

ที่ผ่านมาศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการสั่งซื้อสินค้าหรือบริโภคอาหาร หรือเข้าจองโรงแรมเพื่อพักอาศัย รู้อยู่แล้วว่าไม่มีเงินที่จะชำระแต่ก็ยังเข้าไปใช้บริการ ถือว่าเป็นการฉ้อโกงค่าอาหาร หรือค่าโรงแรมตามมาตรา 345 อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 1686/2505

ประเด็นสุดท้าย มีท่านผู้อ่านถามว่าจัดงานแต่งงานแล้วสั่ง จองโต๊ะจีนมาในงานแต่ง หลังจากโต๊ะจีนมาส่งเรียบร้อยแล้ว เจ้าของงานแต่งเบี้ยวไม่จ่ายค่าโต๊ะจีนจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกง หรือไม่ ศาลฎีกาเคยตัดสินแล้วว่าไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง เพราะเป็นการซื้อของเชื่อผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 1077/2511

การให้บริการผู้ประกอบธุรกิจต้องใจเย็น ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการใช้คำพูดที่รุนแรง

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้