อุดช่องโหว่บัตรคนจน
โครงการการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยหรือบัตรคนจน ด้วยการให้วงเงินเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนคนละ 200 บาท หรือ 300 บาท/เดือน แล้วแต่รายได้ บวกกับให้ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มอีก 45 บาท/คน ต่อ 3 เดือน และยังให้วงเงินช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อคนต่อเดือน เป็นค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาท ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท และค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทนั้น ถือเป็นนโยบายที่ดี ที่รัฐบาลต้องการจะช่วยเหลือคนจนประมาณ 11 ล้านคน แต่ยังมีช่องโหว่ที่ให้รัฐบาลต้องแก้ปัญหาโดยเร็ว
โครงการการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยหรือบัตรคนจน ด้วยการให้วงเงินเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนคนละ 200 บาท หรือ 300 บาท/เดือน แล้วแต่รายได้ บวกกับให้ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มอีก 45 บาท/คน ต่อ 3 เดือน และยังให้วงเงินช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อคนต่อเดือน เป็นค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาท ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท และค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทนั้น ถือเป็นนโยบายที่ดี ที่รัฐบาลต้องการจะช่วยเหลือคนจนประมาณ 11 ล้านคน แต่ยังมีช่องโหว่ที่ให้รัฐบาลต้องแก้ปัญหาโดยเร็ว
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มแจกบัตรคนจนเพื่อให้รูดซื้อสินค้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ต.ที่ผ่านมานั้น ได้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย อาทิ เรื่องของร้านธงฟ้าประชารัฐในพื้นที่มีน้อยเกินไปไม่ทั่วถึง เพราะส่วนใหญ่ตั้งอยู่เฉพาะในชุมชนในเมือง ในขณะที่คนจนส่วนใหญ่จะมีที่อยู่ตามชนบทห่างไกล ถ้าเดินทางเข้ามาเพื่อรูดบัตรเอาสินค้าจะทำให้ต้องจ่ายค่าเดินทางไปกลับแทบจะไม่คุ้มกับเงินสวัสดิการที่ได้รับ
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องตัวสินค้าไม่หลากหลาย และไม่เป็นที่ต้องการของชาวบ้าน เพราะเป็นสินค้าถูกนำมาจากกลุ่มทุนโรงงานใหญ่ที่ส่งไปขาย และเป็นสินค้าที่ชาวบ้านสามารถหาซื้อได้จากร้านค้าทั่วไปในหมู่บ้าน จึงทำให้บางแห่งมีผู้เอาบัตรคนจนไปแลกเป็นเงินกับร้านธงฟ้าประชารัฐในพื้นที่โดยไม่เอาสินค้า
ปมปัญหาในเรื่องของสินค้าดังกล่าว ยังถูกมองว่าไม่ได้สนองความต้องการคนจน เพราะเท่ากับถูกบังคับให้ซื้อสินค้าจากโรงงานทางอ้อม ผู้ได้รับประโยชน์เต็มๆ คือโรงงานผู้ผลิตสินค้า เพราะ เงินก็หมุนเวียนกลับเข้าหานายทุนเหมือนเดิม จึงเหมือนกับว่ารัฐบาลช่วยขายสินค้าให้โรงงาน และเป็นการช่วยนายทุนมากกว่าคนจน
ขณะเดียวกัน มีร้านธงฟ้าบางแห่งที่ยังไม่ได้มีการติดตั้งเครื่องอีดีซี แต่มีการติดป้ายหน้าร้านว่าพร้อมรับบัตรสวัสดิการ และสามารถมารับสินค้าออกไปก่อนได้ในวงเงิน 200 บาท โดยทางร้านจะทำการยึดบัตรสวัสดิการของผู้มีรายได้น้อยไว้ก่อน
แม้รัฐบาลยืนยันว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ ประชาชนผู้ถือบัตรสามารถเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพได้ทุกชนิด ทุกยี่ห้อ และตั้งเป้าในเดือน พ.ย.นี้ จะดำเนินการต่อเนื่องติดตั้งเครื่องรูดบัตรให้ครบ 2 หมื่นร้านค้า รวมถึงจัดรถธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ประมาณ 300 คัน เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานของประชาชนทั้ง 11.4 ล้านคน แต่ถ้าผู้ที่รับผิดชอบยังไม่ลงไปกำชับให้ดี ปัญหาอาจบานปลายได้
ดังนั้น ทางที่ดีรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหา อุดช่องโหว่ของโครงการนี้โดยเร็ว โดยเฉพาะการควบคุมราคาและคุณภาพสินค้าจะต้องได้มาตรฐาน ไม่เอาเปรียบประชาชน รวมถึงต้องดำเนินการกับผู้ที่แสวงหาประโยชน์จากโครงการดังกล่าวทันที
ยิ่งมีข่าวว่ารัฐบาลเตรียมการจะเพิ่มวงเงินโดยการโยกเงินจากสวัสดิการบางส่วนที่เป็นค่าเดินทางที่ประชาชนไม่ค่อยได้ใช้บริการมาเพิ่มเป็น 700 บาท และ 800 บาท รัฐบาลต้องมีมาตรการป้องกันเพื่อความรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้มีรายได้น้อยมากที่สุด
สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือรัฐบาลต้องหามาตรการมารองรับในการแก้ปัญหาความยากจนให้ยั่งยืน ไม่ใช่ต้องให้ความช่วยเหลือในรูปสวัสดิการแบบนี้ตลอดไป เพราะไม่อย่างนั้นรัฐบาลจะเป็นภาระตลอดไป n


