59-2
สิริพรมีคำถามดังๆ ในหมู่นักลงทุน กับบรรยากาศความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทยยามนี้ว่า "เจ้ามือ" เก็บของ-ปล่อยของ ยามหุ้นคึกคัก ก็คุยกันออกรส ยามหุ้นสงบเงียบก็หดหู่ไปตามๆ กัน
สิริพร
มีคำถามดังๆ ในหมู่นักลงทุน กับบรรยากาศความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทยยามนี้ว่า "เจ้ามือ" เก็บของ-ปล่อยของ ยามหุ้นคึกคัก ก็คุยกันออกรส ยามหุ้นสงบเงียบก็หดหู่ไปตามๆ กัน
รวมทั้งหมู่นี้ ข่าวการกล่าวโทษผู้บริหารหรือกรรมการบริษัทจดทะเบียนมากันถี่บ่อย ถามต่อว่าคนโกงเยอะขึ้นหรือจับผิดได้ผลมากขึ้นหรือมีช่องว่างให้ทำการกันได้ง่ายขึ้น หรือถูกทุกข้อ
เข้าใจธรรมชาติฐานรากของการทำธุรกิจ ว่าทุกแห่งย่อมเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว จากนั้นก็จะขยายกลายมาเป็น "มหาชน" การทำงานย่อมไม่ธรรมดา เหมือนที่เคยๆ ของเถ้าแก่
เมื่อกระจายหุ้นขายออกสู่มหาชน เกณฑ์การปฏิบัติย่อมตามมาอีกมากมาย แต่ส่วนใหญ่มักจะพบว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า "เจ้าของ" มักจะถือครองหุ้นไว้ราว 60-70% อาจเป็นทั้งเครือญาติ คนในตระกูลเดียวกัน และคนใกล้ชิด เพื่อควบคุมการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นเรื่องที่รับกันได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น "หุ้นไม่มีเจ้าของ"
จึงเป็นที่มาของคำว่า "เจ้ามือ" เก็บของ-ปล่อยของ ดังที่ว่า และอีกคำว่าฮิตฮอตไม่แพ้กัน คือ การใช้ข้อมูลภายใน "อินไซด์" เช่น รู้ก่อนว่า งบดี-มีกำไร แอบดักซื้อก่อน และขายทำกำไรเมื่อข่าวดีกระจายตัว กว่ารายบุคคลที่หลงรักหุ้นตัวนั้นว่า เป็นหุ้นดี มีกำไร พวกเขาก็ออกของกระเป๋าเต็มไปแล้ว หรือในทางกลับกัน หุ้นจาง กำไรหด-ขาดทุน-มีคดีความ-แพ้คดี มีค่าปรับ ก็รีบชิงขาย ปล่อยของออกซะก่อน
นักลงทุนจะรับรู้ข้อมูล หรือมีสัญญาณเตือนภัยใด ที่จะช่วยเตือนสติกันบ้างล่ะ ว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะทิ้งหุ้น ทิ้งบริษัท หรือผู้บริหารจะมีอาการให้ข้อมูลภายใน (อินไซด์)
สัญญาณเล็กๆ ที่สังเกตจากข้อมูล ที่เกี่ยวข้อง มาช่วยกันพลิกหาดูนะคะ ทั้งสองมุมนี้เกี่ยวข้องกับ แบบรายงาน ที่เรียกกันว่า 59-2 และ 246-2
แนวทางการประกาศเรื่องนี้ของหน่วยงานกำกับ คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นด่านแรก ที่กำหนดให้คนดีต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองถืออยู่
246-2 คือ แบบรายงานที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต้องรายงาน เมื่อมีการถือหุ้น "ก้าวข้าม" ทุกๆ 5% ของทุนจดทะเบียน หมายถึง ไม่ว่าเพิ่มขึ้น หรือลดลง ทุกๆ 5% ต้องรายงานทันที หากไม่ปฏิบัติจะมีความผิด ทั้งโทษทางอาญา-จำคุก และโทษปรับ
นอกจากนี้ ยังมีเกณฑ์การถือครองที่เพิ่มสัดส่วนเป็น 25%, 50% และ 75% ต้องเข้าเกณฑ์ ทำ Tender Offer --- ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
มีวงเล็บที่น่าคิดต่อ จากปรากฏการณ์ที่ผ่านมา อาจจะเจอการหมกเม็ด ซุกหุ้น ด้วยการกระจายชื่อ แบบโอนลอย ไปยังคนรถ คนสวน คนรับใช้ ให้เราได้เจอกันมาแล้ว โกงกันในกระดูกแบบนี้ต้องช่วยกันทำหน้าที่ Watch Dog-หมาเฝ้าตลาดทุนไทย ด้วยกันนะคะ
59-2 เป็นแบบรายงานที่ผู้เกี่ยวข้องต้องรายงานภายใน 3 วัน เมื่อจำนวนหุ้นที่ตัวเองทำงานอยู่นั้นขยับตัว ทั้งมาก-ลด เปลี่ยนแปลงแม้แต่หุ้นเดียว ก็ต้องรายงาน
บุคคลที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ กรรมการ ผู้บริหารและผู้สอบบัญชี ตัวเอง-คู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พวกเขามีความสำคัญต่อการรับรู้ข้อมูล เข้าถึงข้อมูล คลุกวงใน จึงเข้าข่ายกลุ่มคน ที่อาจใช้ข้อมูลเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง ได้อยู่ตลอดเวลา เป็นลักษณะข้อมูล อินไซด์ ที่มักจะเห็นเป็นข่าวพาดหัว ว่าผู้บริหารอินไซด์ ถูกกล่าวโทษ สั่งปรับเป็นเงิน หลังๆ มีการแขวน ห้ามไปนั่งบริหารในบริษัทจดทะเบียนทุกแห่ง เป็นเวลาตามที่กำหนด ดับฝันกันไปหลายคนมาแล้ว
คนกลุ่มนี้จะต้องยื่นแบบรายงาน ตั้งแต่ยามที่หุ้นเริ่มต้น ทำขอกระจายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) มาแล้วว่า ตัวเองถือหุ้นอยู่จำนวนเท่าใด เรียกว่า แบบ 59-1 พอเข้าตลาดฯ แล้ว เมื่อเปลี่ยนแปลงการถือครอง แม้เพียงหนึ่งหุ้น จะต้องรายงานเป็นภาคต่อ คือ 59-2 ตามที่ว่านี้
ต้องชมความทันสมัยว่า กฎหมายเขาระบุมาอยู่แล้ว ตั้งแต่ประกาศ เมื่อปี 2542 เป็นต้นมา แต่การใช้บังคับ และการจับได้ไล่ไม่ทัน เป็นอีกเรื่องที่ต้องช่วยกันสอดส่อง เวลาคนเราทำผิด มักจะทิ้งร่องรอยไว้ เกือบทุกครั้ง การลงโทษจึงตามมาเร็ว และกลายเป็นความบ่อยถี่ของการกล่าวโทษ ตามที่เห็นกันนั่นแหละ
ถามต่อ แล้วเรื่องนี้จะหาข้อมูลได้ที่ใดกัน www.sec.or.th คลิกเข้าไปสืบค้นได้เลย มักจะเป็นความเคลื่อนไหวอยู่บ่อยๆ แต่พบว่า การซื้อ การขาย มักจะโอน โยนกันไปมา ระหว่างสามีภรรยา พ่อลูก หรือคนสกุลเดียวกัน
พอจะหาข้อมูลเพื่อตอบคำถามว่า "เจ้ามือ" เก็บของ-ปล่อยของ ได้บ้างนะคะ แต่กลไกของกลโกงอาจซับซ้อนกว่านี้ เป็นสมการหลายชั้น ที่ต้องถอดรูทอีกหลายต่อ อย่าท้อนะคะ...


