บันทึกหยุดเขื่อนน้ำโจน รำลึก 27 ปี สืบ นาคะเสถียร
ภาพผืนป่ากว้างใหญ่ ต้นไม้เขียวชอุ่ม สายหมอกบางๆ เคียงข้างด้วยธารน้ำ
โดย วิมลรัตน์ ธัมมิสโร
ภาพผืนป่ากว้างใหญ่ ต้นไม้เขียวชอุ่ม สายหมอกบางๆ เคียงข้างด้วยธารน้ำ โดยมีเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อนสุดสายตา คือฉากของงาน "จากป่าสู่เมือง บันทึกหยุดเขื่อนน้ำโจน (รำลึก 27 ปี สืบ นาคะเสถียร)" ซึ่งมูลนิธิสืบนาคะเสถียร จัดขึ้น ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 8-10 ก.ย. 2560
นั่นเป็นภาพความอุดมสมบูรณ์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ซึ่ง สืบ นาคะเสถียร เป็นผู้บันทึกไว้
เขาจึงไม่มีทางยินยอมให้การกำเนิดขึ้นของเขื่อนน้ำโจนมาทำลายความงดงามเหล่านี้
เขื่อนน้ำโจนเป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 187 เมตร สันเขื่อนยาว 430 เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำประมาณ 142 ตารางกิโลเมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ 5,950 ล้านลูกบาศก์เมตร จะก่อสร้างในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี งบประมาณทั้งสิ้น 12,592 ล้านบาท
ย้อนกลับไปในปี 2508 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ทำการศึกษาเพื่อพัฒนาลุ่มน้ำแควใหญ่ จนเกิดเป็นโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนท่าทุ่งนา และเขื่อนน้ำโจนหรือเขื่อนแควใหญ่ตอนบน
เขื่อนน้ำโจนได้รับการพิจารณาเห็นชอบในหลักการจากสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 พ.ศ. 2525 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากคนหลายกลุ่ม
ต่อมาวันที่ 22 เม.ย. 2526 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 5.8 ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย และนับตั้งแต่ 25 เม.ย. 2526 ไปจนถึง 19 มิ.ย. 2526 เกิดแผ่นดินไหวซ้ำอย่างต่อเนื่องบริเวณเดิม และพื้นที่ใกล้เคียงมากถึง 121 ครั้ง
เหตุการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งความเสี่ยง และถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเหตุผลในการคัดค้านการก่อสร้างโครงการ
ในเวลานั้นรัฐบาลยังคงยืนยันที่จะสร้างเขื่อนน้ำโจนให้สำเร็จ จนในที่สุดโครงการเขื่อนน้ำโจนได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2529 จนกลายมาเป็นฉากการต่อสู้ลากยาวข้ามปีไปจนถึงปี 2531 ก่อนจะถูกยับยั้งลงด้วยพลังบริสุทธิ์ ทั้งจากชาวบ้าน กลุ่มนักศึกษา และนักอนุรักษ์ที่ชื่อสืบ นาคะเสถียร
ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในฐานะอดีตคณะกรรมการประสานงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 15 สถาบัน (คอทส.) หนึ่งในเครือข่ายนักศึกษาผู้ร่วมการเคลื่อนไหวและเชื่อมร้อยเรื่องราวจากป่าสู่เมือง ชวนย้อนกลับไปในอดีตเมื่อ 30 ปีก่อน
ขณะนั้น รัฐบาลมีแผนที่จะสร้างเขื่อนน้ำโจนซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ บรรดานิสิต-นักศึกษาต่างจับตาและออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างยาวนาน นับว่ามี ผู้เข้าร่วมกระบวนการมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ทางด้านสิ่งแวดล้อม ที่สุดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2531 รัฐบาลจึงยอมประกาศชะลอโครงการจนถึงทุกวันนี้
"บทเรียนที่สำคัญในกรณีของเขื่อนน้ำโจน คือ 30 ปีที่ผ่านไป รัฐบาลไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม แต่รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นพัฒนา ซึ่งสวนทางกับกระแสคิดของประชาชนที่ให้ความสำคัญกับ สิ่งแวดล้อม ทุกวันนี้โครงการเขื่อนต่างๆ ก็ยังคงมีการประกาศเดินหน้า แม้ว่ากรณีของเขื่อนน้ำโจนแสดงให้เห็นแล้วว่าถ้าเราอนุรักษ์ไว้ คุณค่าของป่าย่อมมีความสำคัญมากขนาดไหน" อาจารย์นักอนุรักษ์รายนี้ ระบุ
ในความทรงจำของ ภินันทน์ โชติรสเศรณี กลุ่มสตรีกาญจนบุรี วัย 70 ปี สืบ นาคะเสถียร เป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ สืบไม่ค่อยได้พูดคุยกับชาวบ้านมากนัก แต่จะมาร่วมประชุมทุกครั้ง ส่วนตัวมีโอกาสเจอกันบ่อย พอเจอก็จะเรียกว่ากลุ่มสตรี แล้วก็จะทักทายกันแล้วแยกตัวออกไปนั่งมุมใดมุมหนึ่ง สืบเป็นคนเก็บข้อมูลไม่ใช่นักพูด แต่สืบจะมาเติมกำลังใจกันสม่ำเสมอ
"คุณสืบจะทำงานภาคปฏิบัติเสียมากกว่า ซึ่งเขาเด็ดเดี่ยวในการต่อสู้ มุ่งมั่นว่าจะให้เกิดการสร้างเขื่อนน้ำโจนไม่ได้" ภินันทน์ กล่าว
นริศ ภูมิภาคพันธ์ ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เล่าว่า ช่วงเย็นๆ คุณสืบจะมานั่งที่คณะพร้อมกับหนังสือและข้อมูลเอกสารต่างๆ โดยเขามักจะมาตั้งแต่ 17.00-21.00 น. แล้วก็กลับบ้าน เขาจะทำรายงานของตัวเองว่าได้เข้าไปช่วยสัตว์ป่าได้กี่ชนิด ตาย สูญเสีย และปัญหาต่างๆ ถือเป็นรายงานฉบับที่แสดงให้เห็นว่าการสร้างเขื่อนกระทบต่อชีวิตสัตว์ป่า


