posttoday

สปุตนิก 1

01 ตุลาคม 2560

สัปดาห์นี้จะครบรอบ 60 ปี แห่งการส่งดาวเทียมสปุตนิก 1

โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด

สัปดาห์นี้จะครบรอบ 60 ปี แห่งการส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 ดาวเทียมดวงแรกของโลก ซึ่งสหภาพโซเวียตส่งขึ้นไปโคจรรอบโลกเมื่อปี 2500 นับเป็นเหตุการณ์ช็อกโลก โดยเฉพาะสำหรับชาวอเมริกันซึ่งกำลังแข่งขันกับโซเวียตในการเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ามกลางบรรยากาศของสงครามเย็น นักประวัติศาสตร์หลายคนถือว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของยุคอวกาศ

คืนวันที่ 4 ต.ค. 2500 เวลา 22.28 น. ตามเวลาที่มอสโก หรือเข้าสู่วันที่ 5 ต.ค.ตามเวลาประเทศไทย ดาวเทียมสปุตนิก 1 เดินทางขึ้นสู่อวกาศไปกับจรวดอาร์-7 ซึ่งถูกปล่อยขึ้นจากพื้นโลกบนฐานปล่อยจรวดที่ตั้งอยู่ทางใต้ของคาซัคสถาน ปัจจุบันคือไบโคนูร์คอสโมโดรม ท่าอวกาศยานที่รัสเซียใช้เป็นหลักในโครงการอวกาศ ต่อมาฐานเดียวกันได้ถูกใช้สำหรับการปล่อยจรวดเพื่อนำ ยูริ กาการิน นักบินอวกาศคนแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศ รัสเซียจึงตั้งชื่อฐานปล่อยดังกล่าวว่า Gagarin's Start

ดาวเทียมสปุตนิก 1 เข้าสู่วงโคจรได้สำเร็จโดยโคจรเป็นวงรีรอบโลกที่ความสูง 215-939 กิโลเมตร เหนือพื้นโลก ดาวเทียมทำจากโลหะผสมที่มีอะลูมิเนียมเป็นหลัก มีสัณฐานเป็นทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 58 เซนติเมตร หรือประมาณขนาดของลูกบอลชายหาด หนัก 83 กิโลกรัม มีเสาอากาศ 4 ต้น ปล่อยสัญญาณวิทยุเป็นห้วงๆ ที่ความถี่ 20 และ 40 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อให้ผู้ที่มีเครื่องรับสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมขณะผ่านเหนือท้องฟ้า

ดาวเทียมสปุตนิก 1 ปล่อยสัญญาณจนกระทั่งถึงวันที่ 26 ต.ค. 2500 หลังจากโคจรรอบโลกรวม 1,440 รอบ วันที่ 4 ม.ค. 2501 จึงตกกลับเข้าสู่บรรยากาศโลก อันเป็นกลไกตามธรรมชาติเนื่องจากความหนาแน่นของโมเลกุลอากาศในบรรยากาศโลกจะคอยต้านการเคลื่อนที่ของดาวเทียม ทำให้ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรต่ำค่อยๆ ลดระดับลงหากไม่มีระบบที่สามารถควบคุมเพื่อปรับวงโคจรให้สูงขึ้นได้อย่างที่เราพบเห็นในสถานีอวกาศนานาชาติสำหรับยุคปัจจุบัน

การส่งดาวเทียมดวงแรกเข้าสู่วงโคจรไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความประหลาดใจสำหรับสหรัฐอเมริกาหรือชาติอื่นๆ เสียทีเดียว เพราะได้มีการกำหนดไว้ว่า ค.ศ. 1957-1958 หรือ พ.ศ. 2500-2501 เป็นปีธรณีฟิสิกส์สากล (International Geophysical Year) โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2500-31 ธ.ค. 2501 ซึ่งนานาชาติมีความตกลงในการร่วมมือกันศึกษาเกี่ยวกับโลกและบรรยากาศ ซึ่งทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตต่างก็มีจุดมุ่งหมายที่จะปล่อยดาวเทียมเข้าสู่วงโคจร อีกทั้งทางการสหรัฐอเมริกาก็พอจะทราบถึงความคืบหน้าของสหภาพโซเวียตได้จากเครื่องบินสอดแนม แต่การที่ผู้นำฝ่ายคอมมิวนิสต์สามารถทำได้สำเร็จก่อนผู้นำฝ่ายโลกเสรีถือเป็นจุดสำคัญที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้

วัตถุประสงค์ของการส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 ขึ้นไปโคจรรอบโลกมีหลายประการ เช่น ทดสอบกระบวนการในการนำดาวเทียมเข้าสู่วงโคจร วัดอายุการทำงานของดาวเทียมในวงโคจรเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับความหนาแน่นของบรรยากาศโลก ทดสอบการติดตามดาวเทียมด้วยคลื่นวิทยุและการสังเกตด้วยกล้องโทรทรรศน์ วัดผลของบรรยากาศโลกที่มีต่อการเคลื่อนที่ของคลื่นวิทยุ

สปุตนิก 1 นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสำเร็จของโซเวียตที่เหนือกว่าสหรัฐอเมริกาในแง่ของเทคโนโลยีอวกาศ ลบภาพที่สหรัฐอเมริกาพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นประเทศล้าหลัง ยังสร้างความหวาดหวั่นสำหรับชาวอเมริกันโดยทั่วไป เพราะนั่นแสดงว่าสหภาพโซเวียตมีศักยภาพพอในการยิงขีปนาวุธที่บรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ข้ามจากทวีปยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ

สหภาพโซเวียตทำคะแนนนำหน้าอีกครั้งด้วยการส่งมนุษย์คนแรกขึ้นไปโคจรรอบโลกในวันที่ 12 เม.ย. 2504 ความสำเร็จสองอย่างนี้ของสหภาพโซเวียตเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้สหรัฐอเมริกาพยายามก้าวขึ้นมานำหน้าสหภาพโซเวียตด้วยการปฏิรูประบบการศึกษาและการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจนกระทั่งส่งมนุษย์ลงบนดวงจันทร์ในวันที่ 20 ก.ค. 2512 ด้วย ยานอะพอลโล 11 ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นปัจฉิมบทของการแข่งขันด้านอวกาศระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต

ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (1-7 ต.ค.)

ดาวพฤหัสบดีซึ่งเราเห็นเป็นดาวสว่างอยู่บนท้องฟ้าทิศตะวันตกต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายเดือนในช่วงหัวค่ำกำลังทำมุมเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองจากโลก ทำให้ดาวพฤหัสบดีอยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้าและมีเวลาสังเกตได้ไม่นานหลังดวงอาทิตย์ตก สัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้าเป็นช่วงสุดท้ายที่มีโอกาสเห็นดาวพฤหัสบดีในเวลานี้ หลังจากนั้นดาวพฤหัสบดีจะอยู่ในแนวเดียวกับดวงอาทิตย์ในปลายเดือน ต.ค. แล้วย้ายไปปรากฏบนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดโดยเริ่มเห็นได้อีกครั้งราวกลางเดือน พ.ย.

ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู ซึ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวนี้คั่นอยู่ระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องกับคนยิงธนู ดาวเสาร์มีความสว่างน้อยกว่าดาวพฤหัสบดี แต่อยู่ในตำแหน่งที่สังเกตได้ง่ายกว่าและนานกว่า เริ่มเห็นในเวลาหัวค่ำโดยอยู่สูงบนท้องฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ เห็นได้จนใกล้ตกลับขอบฟ้าในเวลาประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง ดาวเสาร์มีวงแหวนล้อมรอบ จำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์กำลังขยายสูงจึงจะเห็นวงแหวนของดาวเสาร์

เวลาเช้ามืดมองเห็นดาวศุกร์กับดาวอังคารอยู่เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออก ทั้งคู่อยู่ในกลุ่มดาวสิงโต ค่อนไปทางหางสิงโตหรือด้านที่ติดกับกลุ่มดาวหญิงสาว โดยเริ่มสังเกตได้ในเวลาประมาณตี 5 หรือก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ช่วงแรกดาวศุกร์อยู่เหนือดาวอังคาร ดาวเคราะห์ทั้งสองจะเข้าใกล้กันมากขึ้นทุกวัน สำหรับประเทศไทยจะเห็นใกล้ที่สุดในเช้ามืดวันที่ 6 ต.ค. 2560 โดยอยู่ห่างกันที่ระยะเชิงมุม 0.2 องศา (ใกล้มากพอสมควร หากเทียบกับขนาดปรากฏของดวงจันทร์เต็มดวงที่ 0.5 องศา) หลังจากนั้นดาวศุกร์จะอยู่ต่ำกว่าดาวอังคาร

ต้นสัปดาห์เป็นข้างขึ้น มองเห็นดวงจันทร์สว่างค่อนดวงอยู่บนท้องฟ้าด้านทิศตะวันออกในเวลาหัวค่ำ พื้นที่ด้านสว่างบนดวงจันทร์เพิ่มขึ้นทุกวันจนกระทั่งเต็มดวงในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 5 ต.ค. (เข้าสู่วันที่ 6 ต.ค.) หากมองดวงจันทร์ในคืนวันที่ 3 ต.ค. เรากำลังมองไปยังทิศทางที่ดาวเนปจูนอยู่ แต่เรา ไม่เห็นดาวเนปจูนเนื่องจากอยู่ไกล ทำให้มีความสว่าง น้อยเกินกว่าจะเห็นด้วยตาเปล่า

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา