posttoday

'วันชาติจีน' 10 ตุลาฯ ถึง 1 ตุลาฯ

01 ตุลาคม 2560

ช่วงต้นเดือน ต.ค.ข่าวนักท่องเที่ยวชาวจีนกระจายตัวออกไปทั่วโลกกลายเป็นเรื่องคุ้นหู เพราะนี่คือช่วงหยุดวันชาติจีน

ช่วงต้นเดือน ต.ค.ข่าวนักท่องเที่ยวชาวจีนกระจายตัวออกไปทั่วโลกกลายเป็นเรื่องคุ้นหู เพราะนี่คือช่วงหยุดวันชาติจีน

ชาติจีนที่ก่อนจะได้ชื่อว่าเป็น "นักท่องเที่ยวแห่งเอเชีย" เคยได้ชื่อว่า "คนป่วยแห่งเอเชีย"

ชื่อคนป่วยแห่งเอเชียมีที่มา คือ จีนเมื่อปลายราชวงศ์ชิง ผู้คนอดอยาก ที่ดินทำกินขาดแคลน กบฏลุกฮือ ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ล้าหลัง มหาอำนาจจึงรุมทึ้งแผ่นดินอย่างง่ายดาย

ปลายราชวงศ์ชิง จึงเกิดกระแสสร้างความเปลี่ยนแปลง 2 ด้านใหญ่ๆ หนึ่ง คือ ปรับปรุงชาติโดยพัฒนาระบบการปกครองใหม่จากกลุ่มผู้ปกครองดั้งเดิม อีกหนึ่งคือล้างไพ่แล้วสร้างใหม่แทบทั้งหมด เรียกง่ายๆ ว่าปฏิรูป และปฏิวัติ

ฝ่ายปฏิรูปจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากราชสำนักชิงและขุนนางดั้งเดิม ส่วนฝ่ายปฏิวัติที่เพิ่งตั้งไข่ โดยมี ดร.ซุนยัตเซ็น เป็นแกนนำ

ฝ่ายปฏิรูปของจีนขอสิทธิแสดงฝีมือก่อน ปี 1907 ราชสำนักราชวงศ์ชิง เริ่มวาง Roadmap ระบอบการเมือง การศึกษา และการทหารใหม่ แต่ก็ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ค่อยเป็นค่อยไปเสียจนคนรู้สึกว่าไม่จริงใจในการปฏิรูป

การที่ประชาชนชาวจีนรับไม่ได้ที่สุด คือ ผลการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเพื่อการปฏิรูป เพราะประกอบด้วยเชื้อพระวงศ์ชาวแมนจูแทบทั้งหมด

ฝ่ายปฏิวัติจึงได้โอกาสโหมกระแส อย่าให้ชาวฮั่นต้องถูกปกครองด้วยชาวแมนจู...

คณะปฏิวัติแม้ก่อการลุกฮือและล้มเหลวมาหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ยึดอำนาจสำเร็จที่เมืองอู่ชางในวันที่ 10 ต.ค. 1911

จริงอยู่การยึดอำนาจครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ทั้งแผ่นดินเป็นของคณะปฏิวัติ แต่มันทำให้ขุนศึกที่ทรงอิทธิพลตามเมืองต่างๆ ซึ่งไม่พอใจราชสำนักได้โอกาสประกาศแยกตัวเป็นอิสระ ในเดือน พ.ย.ของปีนั้น 14 มณฑลประกาศแยกตัว ราชวงศ์ชิงจะต้องยอมเจรจากับคณะปฏิวัติ

เพียง 4 เดือนหลังจากนั้น ราชสำนักชิงก็ต้องยอมก้าวลงจากการปกครองอาณาจักรจีน

คณะปฏิวัติของ ดร.ซุนยัตเซ็น จึงตั้งตนเป็นพรรค ก๊กมินตั๋งเพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมบริหารจีนใหม่ และถือเอาวันที่ 10 ต.ค. (เดือน 10) เป็นวันสถาปนาจีนใหม่ ซึ่งก็คือ "วันชาติจีน" โดยมีเมืองหนานจิงเป็นเมืองหลวง

กระแสความหวังว่าจีนจะพ้นจากฉายาคนป่วยแห่งเอเชียกระจายไปทั่ว แม้แต่ชาวจีนโพ้นทะเลทั้งหลายก็เฉลิมฉลองเป็นวันชาติของมาตุภูมิในวันที่ 10 เดือน 10 เช่นกัน

แต่เดี๋ยวก่อน...ลำพังแค่การล้มล้างระบบเก่าให้ลงจากเวทีการเมืองไป ไม่เคยการันตีว่าจะได้ระบบการเมืองใหม่ดังใจฝัน

ปมการเมืองเรื่องขุนศึกตามเมืองต่างๆ ยังไม่จบ เพราะแม้ราชวงศ์ชิงจะลงจากอำนาจ แต่ก็ใช่ว่าขุนศึกต่างๆ จะยอมให้กับ ดร.ซุนยัตเซ็น

พรรคก๊กมินตั๋ง ของ ดร.ซุนยัตเซ็น มีอุดมการณ์มากกว่าปากกระบอกปืน แต่ขุนศึกต่างๆ มีกระบอกปืนมากกว่าอุดมการณ์ บ้านเมืองหลังจากนั้นจึงตามมาด้วยความแตกแยกวุ่นวาย

ท่ามกลางความปั่นป่วน ดร.ซุนยัตเซ็น กลับอำลาโลกนี้ไปเสียก่อนในปี 1925

ต่อจากนั้นไม่กี่ปี เจียงไคเช็ก ก็ได้สืบต่อตำแหน่งผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งต่อจาก ดร.ซุนยัตเซ็น

เจียงไคเช็ก เป็นผู้บัญชาการรบที่เก่งกาจ แต่เมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำบริหารประเทศกลับล้มเหลวเรื่องการปราบคอร์รัปชั่น อีกทั้งขึ้นชื่อเรื่องการเกี้ยเซี้ยกับกลุ่มอิทธิพลมืด อย่างไรก็ดี พรรคก๊กมินตั๋งภายใต้การนำของเจียงไคเช็ก ถือเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวแห่งสาธารณรัฐจีน

พรรคก๊กมินตั๋ง แก้ปัญหาได้ไม่ดีพอ คนป่วยแห่งเอเชียจึงยังมีอาการลุ่มๆ ดอนๆ ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังจ้องจะเขมือบจีนทั้งแผ่นดิน

ในปี 1937 ญี่ปุ่นเปิดฉากสงครามยึดจีนอย่างเป็นทางการ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เติบโตในความโกลาหลของจีนมาไล่เลี่ยกับพรรคก๊กมินตั๋งได้โอกาสนำเสนออุดมการณ์ความเท่าเทียมถ้วนหน้า โดยใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อนในการนำเสนอ

การยื้อแย่งอำนาจและฐานมวลชนของสองพรรคนี้นับวันยิ่งรุนแรง สงครามกลางเมืองจึงปะทุขึ้น โดยมีกองทัพญี่ปุ่นเป็นตาอยู่คอยกัดกินพุงปลา

เจียงไคเช็ก แบ่งกำลังรับศึกญี่ปุ่นพร้อมกับปราบพรรคคอมมิวนิสต์ และประกาศกร้าวว่า "ศึกนอกไม่อันตรายเท่าศึกใน"

พรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย เหมาเจ๋อตง จึงต้องรับศึกจากเจียงไคเช็ก

สงครามขยายตัวจากหลายปัจจัย ไม่นานนักทั้งโลกก็ก้าวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1945 กองทัพญี่ปุ่นแพ้สงครามโลก ย่อมต้องถอนกำลังออกจากแผ่นดินจีนไปด้วยโดยปริยาย

เจียงไคเช็ก ได้โอกาสโชว์วิสัยทัศน์ นี่แหละที่บอกว่า ศึกในอันตรายกว่าศึกนอก ญี่ปุ่นรบเกินตัวสุดท้ายย่อมต้องแพ้ภัยตัวเอง นโยบายกำจัดคอมมิวนิสต์ให้หมดสิ้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

แต่จิตใจมวลชนที่ทุกข์ยากเข้าข้างพรรคคอมมิวนิสต์เข้าให้แล้ว ปัญหาสังคมที่พรรคก๊กมินตั๋งแก้ไม่ได้ ดูเหมือนจะมีทางออกเมื่อใช้วิธีล้างไพ่ตามที่พรรคคอมมิวนิสต์นำเสนอ

แม้เจียงไคเช็กจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์เหนือกว่า แต่เหมาเจ๋อตงกลับได้ใจชาวบ้านไป บวกกับการรบแบบจรยุทธ์ที่สู้ทนถึก ทัพเจียงไคเช็กจึงต้องล่าถอยเสียดินแดน

สงครามกลางเมืองดำเนินไปอย่างเข้มข้น ต้นปี 1949 พรรคคอมมิวนิสต์จีนปิดล้อมและยึดปักกิ่งได้โดยสันติ ปักกิ่งไม่เสียหาย พรรคคอมมิวนิสต์จึงหารือกันว่าจะตั้งปักกิ่งเมืองหลวงก่อนยุคสาธารณรัฐเป็นเมืองหลวงใหม่ของจีน

วันที่ 1 ต.ค. 1949 พรรคคอมมิวนิสต์จัดงานเฉลิมฉลองที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ต่อหน้าทหารและประชาชนกว่า 3 แสนคน เหมาเจ๋อตง ประกาศว่า "สาธารณรัฐประชาชนจีนถือกำเนิดขึ้นในวันนี้แล้ว..."

พรรคคอมมิวนิสต์ไม่เคยปฏิเสธว่า ดร.ซุนยัตเซ็น คือ ผู้ริเริ่มสร้างจีนใหม่ด้วยการปฏิวัติที่เมืองอู่ชางในวันที่ 1 ต.ค. 1911 แต่จีนที่เอาชนะใจผู้คนได้อย่างแท้จริงกำเนิดขึ้นใน วันที่ 10 ต.ค. 1949 และชาติจีนต้องมีเพียงหนึ่งเดียว

หลังจากนั้น ไต้หวันและดินแดนนอกเหนืออำนาจพรรคคอมมิวนิสต์จีน เช่น ฮ่องกง มาเก๊า และชาวจีนโพ้นทะเลจำนวนมากยังคงฉลองวันชาติในทุกวันที่ 10 ต.ค.เรื่อยมา ส่วนจีนแผ่นดินใหญ่ถือว่าวันชาติของตนคือวันที่ 1 ต.ค.เท่านั้น

หลายสิบปีต่อมา จีนแผ่นดินใหญ่ผ่านความข้นแค้น จากคนป่วยก็ยังต้องเป็นทั้งคนอดอยากและคนคลั่งแห่งเอเชีย แต่จนแล้วจนรอดก็พลิกฟื้นกลับมาเข้มแข็งมากขึ้นในทุกด้าน อิทธิพลของจีนแผ่นดินใหญ่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในสองทศวรรษที่ผ่านมา ใครๆ ที่สนใจเรื่องจีนก็เริ่มคุ้นชินว่าวันชาติจีนคือวันที่ 1 ต.ค.

แต่ชาวจีนบางส่วนไม่ชินแบบนั้น ปี 1997 ฮ่องกงกลับคืนสู่จีนแผ่นดินใหญ่ แม้ใช้หลักการหนึ่งประเทศสองระบบ แต่วันชาติต้องมีเพียงหนึ่งเดียว ความเคยชินที่ชาวจีนฮ่องกงฉลองวันชาติในวันที่ 10 ต.ค. แม้ไม่ได้ประกาศว่าผิดกฎหมาย แต่การติดป้ายเฉลิมฉลองถือว่าผิดเรื่องการติดป้ายประกาศในที่สาธารณะ

ทุกวันนี้ ต้นเดือน ต.ค.ของจีนกลายเป็นเทศกาลสำคัญของการออกเดินทางท่องเที่ยวของฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากราชการกำหนดให้ช่วงวันที่ 1 ต.ค. เป็นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลวันชาติจีน ส่วนฝั่งจีนไต้หวันให้หยุดวันที่ 10 ต.ค.เพียงวันเดียวเท่านั้น n

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"