เทคโนโลยีดิจิทัล ต่อยอดสินค้าชุมชน
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มีภารกิจตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนสู่การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมจากฐานความคิดหลักคือ เปลี่ยนจากการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ไปสู่สินค้าเชิงนวัตกรรม และเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรมไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้าไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ร้านค้า กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และศูนย์ดิจิทัลชุมชน ใช้ประโยชน์จากโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มีภารกิจตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนสู่การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมจากฐานความคิดหลักคือ เปลี่ยนจากการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ไปสู่สินค้าเชิงนวัตกรรม และเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรมไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้าไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ร้านค้า กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และศูนย์ดิจิทัลชุมชน ใช้ประโยชน์จากโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า โครงการ "ดิจิทัลชุมชนด้าน e-Commerce" เกิดขึ้นจากแนวคิดของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับสินค้าชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนนำสินค้าออกมาขายสร้างรายได้เพิ่ม และมีช่องทางการแข่งขันกับตลาดได้ โดยหลังจากรัฐบาลได้ประกาศนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0" ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย หรือโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลให้เป็นเศรษฐกิจใหม่มีรายได้สูง วางเป้าหมาย ให้เกิดขึ้นภายใน 5-6 ปี โดยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ "เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Value-Based Economy)"
ทั้งนี้ มีฐานความคิดหลักคือ เปลี่ยนจากการผลิตสินค้า "โภคภัณฑ์" ไปสู่สินค้าเชิง "นวัตกรรม" เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรมไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม โดยเปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้าไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น เปลี่ยนจาก Tradition SMEs หรือ SMEs ที่มีอยู่และรัฐต้องให้ความช่วยเหลือในการนำสินค้า หรือบริการที่มีอยู่ใน ชุมชนออกมาขายนอกชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย
โครงการดิจิทัลชุมชนด้าน e-Commerce มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ร้านค้าประชารัฐรักสามัคคี ประชาชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และศูนย์ดิจิทัลชุมชน ใช้ประโยชน์จากโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยการติดตั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือ "เน็ตประชารัฐ" ของ บริษัท ทีโอที ให้เกิดมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจแก่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนให้สามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารและบริการจากภาครัฐอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนารูปแบบการจำหน่ายสินค้าและบริการจากชุมชนทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ให้มีมาตรฐาน มีระบบการชำระเงินที่สะดวกปลอดภัย และระบบการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ กระทรวงดีอียังได้มอบหมายให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย (ปณท) พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับร้านค้าชุมชนและระบบการบริหารงาน ณ จุดขาย (Point of Sale : POS) เพื่อให้ร้านค้าชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสต๊อกสินค้า การจำหน่ายสินค้า การลงทะเบียนสมาชิก การสั่งซื้อสินค้าจาก ผู้ขายมาจำหน่ายให้แก่สมาชิกในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดภาระและลดต้นทุนในการจัดเก็บสต๊อกสินค้าของร้านค้าชุมชนได้อีกทาง รวมทั้งผลักดันให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและบริการของชุมชนสู่ตลาดภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนห่างไกลได้อย่างยั่งยืน
สำหรับการดำเนินโครงการจะแบ่งเป็น 5 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ปี 2560 ทำการคัดเลือกและพัฒนาร้านค้าชุมชนต้นแบบ เพื่อติดตั้งอุปกรณ์การบริหารงาน ณ จุดขาย (POS) จำนวนไม่น้อยกว่า 200 หมู่บ้านทั่วประเทศ ระยะที่ 2 ปี 2561 เป็นการขยายผลการติดตั้งอุปกรณ์การบริหารงาน ณ จุดขาย (POS) จำนวน 1 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ และระยะที่ 3-5 ปี 2562-2564 เป็นระยะการพัฒนาโครงการสู่ความยั่งยืน โดยจะขยายผลการติดตั้งระบบงานให้ครบ 2.98 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ
ที่ผ่านมา ปณท.ได้เข้าไปมีส่วนช่วยเหลือในการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าชุมชนเพื่อแข่งขันในตลาด สนับสนุนสินค้าชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความร่วมมือกับบริษัท เอกชัย สาลี่สุพรรณ ในการนำสินค้าของบริษัทมาจำหน่ายผ่านบริการ "อร่อยทั่วไทย สั่งได้ที่ไปรษณีย์" ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน โดย ปณท ได้สร้างช่องทางการจำหน่ายอีกหนึ่งช่องทางให้กับบริษัท เอกชัยฯ และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่ง ปณทจะทำหน้าที่จัดส่งสินค้าถึงบ้านลูกค้าทั่วประเทศด้วยมาตรฐานการจัดส่งของ ปณท สั่งภายในเวลา 14.00 น. จะได้รับ สินค้าในวันถัดไปสำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัดจะได้รับสินค้าใน 2 วันถัดไป
ล่าสุด ปณท ได้ประสานงานเพื่อ คัดสรรรายการสินค้าอื่นๆ เข้ามาจำหน่ายผ่านระบบ POS (Point Of Sale) ในโครงการดิจิทัลชุมชนด้าน e-Commerce ตามนโยบายของกระทรวงดิจิทัลฯ ในการสร้างความเท่าเทียม ให้กับประชาชนทั่วประเทศ โดยได้ดำเนินการนำร่องที่ชุมชนบ้านสระบัวก่ำ ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
"ชุมชนบ้านสระบัวก่ำถือเป็นชุมชนนำร่องที่ได้มีการติดตั้งระบบ POS e-Commerce ชุมชน ในการสั่งสินค้าตลอดจนถึงการส่งสินค้าไปยังลูกค้า ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการแข่งขันให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี โดยชุมชนบ้านสระบัวก่ำมีกลุ่มสตรีทอผ้าพื้นเมืองลายโบราณที่มีเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น แต่ขาดเครื่องมือในการแข่งขันทำให้สินค้าไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จากปัญหาดังกล่าว ปณท จึงได้นำโครงการดิจิทัลชุมชนด้าน e-Commerce เข้าไปช่วยส่งเสริมในการสร้างช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมทั้งได้ทดลองใช้ระบบ POS e-Commerce ชุมชน เพื่อช่วยในเรื่องของการสั่งสินค้าและการจัดจำหน่ายสินค้า ซึ่งได้มีการเปิดใช้ระบบ POS e-Commerce ชุมชน ที่บ้านสระบัวก่ำเป็นพื้นที่แรก
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะใช้ ศักยภาพของ ปณท ที่มีเครือข่ายสาขา ที่ทำการไปรษณีย์กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 5,000 แห่ง และมีเครือข่ายเส้นทางการขนส่งมากกว่า 400 เส้นทาง ผนวกกับโครงการวางเครือข่าย อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหมู่บ้าน หรือ "เน็ตประชารัฐ" จำนวน 2.47 หมื่นหมู่บ้าน ที่กระทรวงดีอีได้มอบหมายให้ บริษัท ทีโอที ดำเนินการไปนั้น จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเหลือประชาชนในชุมชนต่างๆ ให้สามารถนำสินค้าออกมาจำหน่าย แข่งขันกับท้องตลาด สร้างเงิน สร้างอาชีพ รวมถึงสร้างความ เท่าเทียมกันของคนไทยได้เป็นอย่างดี n


