สถานีต่อไปของ ‘ซิโก้’

ราชันเบอร์23

หลังจาก "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ลาออกจากกุนซือการท่าเรือ เอฟซี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ด้วยผลงานพาทีมรั้งอันดับ 12 ของตาราง คุมทีม 10 นัด ชนะแค่ครั้งเดียว ที่เหลือแพ้ 6 และเสมอ 3 ถือเป็นการลาออกครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยก่อนหน้านี้อดีตกองหน้าทีมชาติไทยได้ประกาศไขก๊อกลาเก้าอี้กุนซือ "ช้างศึก" เมื่อปลายเดือน มี.ค.

ล่าสุด กุนซือวัย 44 ปี ได้ไปร่วมงานประกาศรางวัลของสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน "เอเอฟเอฟ อวอร์ดส" ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และได้รับรางวัลหัวหน้าผู้ฝึกสอนชายยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน ประจำปี 2017 มาครอง ด้วยการพา "ช้างศึก" คว้าแชมป์อาเซียนสมัยที่ 5 มาครอง

หลายฝ่ายจับตามองว่าก้าว ต่อไปของ "ซิโก้" จะไปคุมทีมอะไรต่อไป แน่นอน ทีมชาติเวียดนาม เป็นทีมลำดับต้นๆ ที่อยู่ในลิสต์

ล่าสุดรายงานข่าวจากเครือข่ายข่าว Zing.Vn ของเวียดนาม ระบุว่า อดีตกุนซือทีมชาติไทยได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของสหพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม (VFF) ในที่ประชุมระดับภูมิภาคที่ประเทศอินโดนีเซีย และประเด็นของการพูดคุยอยู่ที่เงื่อนไขของการทำทีมรวมถึงเจรจาเรื่องค่าตัว โดย บ่องด๋า ทีวี เผยว่า สมาคมฟุตบอลเวียดนามสนใจอยากได้ซิโก้คุมทีมชาติเวียดนาม แต่มีโค้ชอีกหลายคนที่สนใจยื่นใบสมัครเข้ามาคุมทีมชาติเช่นกัน มีกระแสข่าวลือจากสมาคมฟุตบอลเวียดนาม ค่าเหนื่อยของซิโก้และทีมงานอยู่ที่ 6 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ/เดือน หรือมากกว่า 2 ล้านบาท/เดือน หลังจากหักภาษี ซึ่งเป็นจุดที่สมาคมฟุตบอลเวียดนามต้องคิดให้รอบคอบ แม้อยากได้ซิโก้มาคุมทีมชาติ เนื่องจากค่าเหนื่อยของกุนซือคนเก่าอยู่ที่ 4 หมื่นดอลลาร์/เดือน (ราว 1.4 ล้านบาท)

"ซิโก้" มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับเวียดนาม เพราะเคยอยู่ในฐานะนักเตะ รวมถึงเป็นโค้ชให้กับ ฮองอันห์ ยาลาย สโมสรดังในวีลีก ตั้งแต่ปี 2002-2006 และมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ ด่อง เหวียน ดึ๊ก รองประธานวีเอฟเอฟ ซึ่งเคยร่วมงานกันสมัยคุมสโมสรฮองอันห์ ยาลาย

นอกจากนี้ สื่อเวียดนามยังระบุอีกว่า อดีตกุนซือทีมชาติไทยแสดงความสนใจคุมทีมชาติเวียดนามเช่นกัน

"ผมเพิ่งลาออกจากตำแหน่ง และทราบดีว่าเวียดนามก็ต้องการโค้ชทีมชาติคนใหม่ แน่นอนว่าเป็นเรื่องน่า ตื่นเต้นและถือเป็นตำแหน่งที่ท้าทาย แต่ความจริงผมยังไม่ได้รับข้อเสนอจากสมาคมฟุตบอลเวียดนามแต่อย่างใด ผมดีใจที่แฟนบอลเวียดนามต้องการตัวผมในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน แต่ผมยังไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการมาเลย" ซิโก้ กล่าว

ขณะที่ จอห์น เดอร์เดน นักข่าวรุ่นเก๋าของฟอกซ์สปอร์ต เขียนบทความแสดงความเห็นว่า ทีมชาติเวียดนามเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับกุนซือหนุ่ม นอกจากนี้ยังเปิดโหวตมีแฟนๆ เข้ามาโหวตกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วยที่ซิโก้จะเข้ามาคุมทีมดาวทอง

ทว่า "บองด๋าเน็ตดอตวีเอ็น" สื่อของเวียดนาม นำเสนอบทสัมภาษณ์ของ ด่อง เหวียน ดึ๊ก รองประธานวีเอฟเอฟ ที่เคยร่วมงาน "ซิโก้" สมัยอยู่สโมสร ฮองอันห์ ยาลาย กล่าวปฏิเสธกระแสดังกล่าว โดยยืนยันว่าวีเอฟเอฟไม่เคยมีแผนที่จะเปิดการเจรจากับซิโก้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม วีเอฟเอฟตั้งเป้าที่จะประกาศรายชื่อกุนซือทีมชาติเวียดนามคนใหม่ ภายในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้

นอกจากเวียดนามที่เป็นตัวเต็งจ๋าในขณะนี้ ยังมีกระแสข่าวอีกว่า ไม่แน่อาจจะเห็น "ซิโก้" มีโอกาสเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของเลสเตอร์ ที่ตัวเองเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ หรือแม้กระทั่งเป็นเฮดโค้ชเยาวชนหรือผู้ช่วยทีมต่างๆ เพราะก่อนหน้านี้ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสรสุนัขจิ้งจอก เคยพูดว่าอยากให้ "ซิโก้" ไปร่วมงานด้วย

รวมถึงสโมสรในไทยลีกอย่างทีมเอสซีจี เมืองทอง เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ เพราะ "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน กุนซือปัจจุบัน ยังไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่ รวมถึงผลงานตอนนี้มีแต้มตามหลังจ่าฝูงบุรีรัมย์ ถึง 6 แต้ม โอกาสที่จะชวดแชมป์เป็นไปได้สูง แน่นอน "ซิโก้" ก็เป็นอีกทางเลือก เพราะเขาคุ้นเคยกับนักเตะในทีมเป็นอย่างดี

อีกสโมสรคือ "กวางโซ้ง มหาภัย" เชียงราย ยูไนเต็ด ที่มี อเล็กซานเดอร์ กามา ยังคุมอยู่ หากผลงานของเขาพาทีมจบต่ำกว่าเป้าหมาย แน่นอน อนาคตของกามากับเชียงรายคงต้องคอนเวิร์ส ก็มีโอกาสไม่น้อยที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ทำงานร่วมกัน เพราะสโมสรมีนักเตะชั้นยอด แถมเป็นทีมเงินถุงเงินถัง มีกำลังในการซื้อนักเตะ ซึ่งอาจจะใช้หลักการเดียวกับเอสซีจี เมืองทอง ที่หันมาใช้กุนซือไทย

ขณะที่ "กระต่ายแก้ว" บางกอกกล๊าส เอฟซี เป็นอีกทีมที่อยู่ในข่าย ตอนนี้ยังไม่มีกุนซือถาวร และมี "โค้ชง้วน" สุรชัย จตุรภัทรพงษ์ ที่เป็นประธานเทคนิค เคยเล่นฟุตบอลร่วมทีมกับ "ซิโก้"

ทั้งนี้ ทุกอย่างจะกระจ่างหลังจาก เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กลับมาจากรับรางวัลที่อินโดนีเซีย ซึ่งเจ้าตัวจะเป็นผู้ให้คำตอบ