พรบ.คุ้มครองแรงงานใหม่
สาธิตเห็นข่าว พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2560 มีข้อหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือ "มาตรา 118/1 การเกษียณอายุตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันหรือตามที่นายจ้างกําหนดไว้ ให้ถือว่าเป็นการเลิกจ้างตามมาตรา 118 วรรคสอง
สาธิต
เห็นข่าว พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2560 มีข้อหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือ "มาตรา 118/1 การเกษียณอายุตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันหรือตามที่นายจ้างกําหนดไว้ ให้ถือว่าเป็นการเลิกจ้างตามมาตรา 118 วรรคสอง
ในกรณีที่มิได้มีการตกลงหรือกําหนดการเกษียณอายุไว้ หรือมีการ ตกลงหรือกําหนดการเกษียณอายุไว้เกินกว่าหกสิบปี ให้ลูกจ้างที่มีอายุครบหกสิบปีขึ้นไปมีสิทธิแสดงเจตนาเกษียณอายุได้ โดยให้แสดงเจตนาต่อนายจ้างและให้มีผลเมื่อครบสามสิบวันนับแต่วันแสดงเจตนา และให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างที่เกษียณอายุนั้น ตามมาตรา 118 วรรคหนึ่ง"
ดังนั้นตามกฎหมายฉบับนี้ บริษัทไหนที่ไม่ได้กำหนดอายุเกษียณหรือกำหนดไว้แต่เกิน 60 ปี ลูกจ้างที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไปสามารถแสดงความจำนงขอเกษียณอายุได้ และถือการเกษียณเป็นเงื่อนไขหนึ่งของการพ้นสภาพการเป็นพนักงานของบริษัท หรือเป็นการสิ้นสุดสัญญาจ้าง สิทธิประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับคือ ค่าชดเชย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน มาตรา 118 ซึ่งจะได้รับค่าชดเชยต่อเมื่อมีอายุงานตามเกณฑ์ที่กำหนดดังนี้
1.ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 30 วัน 2.ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 90 วัน 3.ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 180 วัน 4.ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 240 วัน 5.ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 10 ปี ขึ้นไป จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 300 วัน
หมายเหตุ ค่าจ้างที่ใช้คำนวณ คือ อัตราเงินเดือน เดือนสุดท้าย
ดังนั้น ถ้าทำงานมาครบ 10 ปีขึ้นไป จะได้ค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 300 วัน หรือ 10 เดือน หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตาม ก็จะมีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา โดยทางแพ่งโทษปรับสูงสุดตามค่าชดเชยที่ค้างรวมดอกเบี้ย 15% ต่อปี หรือคิดเงินเพิ่มร้อยละ 15 ตามยอดเงินผิดนัดชำระ 7 วัน สำหรับโทษทางอาญาจำคุกสูงสุด 6 เดือน หรือทั้งจำและปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
กฎหมายนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับพนักงานบริษัทเล็กๆ ที่เป็นพวกธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ที่ไม่กำหนดอายุเกษียณไว้ในสัญญาจ้างงาน ซึ่งหมายถึงบริษัทจ้างพนักงานทำงานไปตลอดชีวิต หรือจนกว่าพนักงานจะลาออกเอง ข้อดีคือลูกจ้างมีงานมีเงินใช้ตลอดชีวิต ข้อเสีย คือหากลูกจ้างลาออกจะไม่ได้รับค่าชดเชยใดๆ ตามกฎหมายแรงงาน เพราะถือว่าลาออกเอง
ดังนั้น กฎหมายใหม่นี้ที่กำหนดอายุเกษียณเป็น 60 ปี จึงเป็นประโยชน์กับลูกจ้างบริษัทที่ไม่กำหนดอายุเกษียณครับ เพราะนอกจากจะได้โอกาสทำงานมีเงินใช้ตลอดชีวิตแล้ว ยังได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานด้วย
ข้อดีอีกอย่างของค่าชดเชย กฎหมายภาษีได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า ในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้าง และนายจ้างได้จ่ายค่าชดเชยให้กับลูกจ้าง ลูกจ้างจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินค่าชดเชยที่นายจ้างจ่ายให้ แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เกินเงินเดือน 300 วันสุดท้าย และต้องไม่เกิน 3 แสนบาท หากเกิน ลูกจ้างก็จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เพียงแต่ส่วนที่ไม่เกินเท่านั้น
มติ ครม. วันที่ 15 ส.ค. 2560 เห็นชอบในหลักการร่างแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2560 ได้กำหนดอัตราค่าชดเชยเพิ่มเติมกรณีที่นายจ้างเลิกจ้าง หากทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไป ให้รับค่าชดเชยไม่ต่ำกว่าค่าจ้างอัตราสูงที่สุด จำนวน 400 วัน จากเดิมกำหนดว่า หากทำงานครบ 10 ปี ให้รับค่าจ้างชดเชย 300 วัน เป็นข่าวดีสำหรับลูกจ้างจริงๆ ครับ
ท่านที่สนใจบทความทางการเงินที่ผมได้เขียนเองและได้รวบรวมจากแหล่งต่างๆ สำหรับเผยแพร่ให้ท่านผู้สนใจทุกท่าน ขอเชิญไปกด Like ได้ที่ page ใน facebook ชื่อ Sathit CFP เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารต่อไปได้ครับ...ขอบคุณครับ


