5 ฮีโร่แผนเกษียณมนุษย์เงินเดือน
โดย...ธนาคารแห่งประเทศไทย
โดย...ธนาคารแห่งประเทศไทย
เมื่อพูดถึงคำว่า “เกษียณ” มนุษย์เงินเดือนจะมีความคิดต่างๆ นานาผุดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอีกตั้งนานกว่าจะเกษียณ มีเรื่องอื่นที่เห็นว่าสำคัญกว่า เช่น ส่งลูกเรียน หรือเป็นหนี้อยู่จะเก็บเงินได้ยังไง แถมหลายคนกว่าจะรู้ตัวว่าวันสุดท้ายของการมีรายได้กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาก็มักล่วงเลยมาถึงตอนอายุเข้าหลัก 4 ปลายๆ หรือหลัก 5 แล้ว และยังมีสถิติที่น่าตกใจคือ จากการสำรวจทักษะทางการเงินในปี 2559 โดยแบงก์ชาติและสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่ามีคนไทยเพียง 14% ที่วางแผนเก็บออมไว้ใช้หลังเกษียณอายุและทำได้ตามแผนที่วางไว้
แท้จริงแล้ว เวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มเก็บเงินสำหรับใช้หลังเกษียณก็คือตั้งแต่เริ่มทำงาน เพราะเงินที่ทยอยสะสมเรื่อยๆ อาศัยวินัยและระยะเวลาเป็นตัวหล่อเลี้ยงจะสามารถเติบโตได้อีกไกลเช่น หากเราเริ่มออมหรือลงทุนตั้งแต่อายุ 20 ปี เราจะมีเงิน 1 ล้านบาท ตอนอายุ 60 ปี ด้วยเงินเพียงเดือนละ 1,080 บาท(ผลตอบแทนเฉลี่ย 3% ต่อปี) ซึ่งถ้าพยายามเพิ่มก็จะมีเงินเกินล้านในวันที่เกษียณได้ไม่ยากเลย
สำหรับใครที่อายุเลยเลข 2 มาแล้วก็ไม่ต้องกลุ้มใจ เพราะเวลาที่ดีรองมาคือตอนนี้นั่นเอง ลองดู 5 วิธีต่อไปนี้ที่สรุปมาจาก https://financialmentor.com และ www.cfinancialfreedom.com ซึ่งจะมาเป็นฮีโร่ช่วยคุณได้ครับ
1.จัดสรรเงินสะสมเพื่อการเกษียณเต็มอัตรา คนส่วนใหญ่ต้องสะสมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการทุกเดือนอยู่แล้วแต่มักจะสะสมด้วยอัตราต่ำสุด (3% ของเงินเดือน) จึงอยากแนะนำให้เปลี่ยนเป็นอัตราสูงสุด (15% ของเงินเดือน) เช่น อายุ 20 ปี เงินเดือน 1.5 หมื่นบาทสมมติให้เงินเดือนขึ้นปีละ 5% ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3% ต่อปี หากสะสมด้วยอัตราต่ำสุดที่ 3% เมื่ออายุ 60 ปี จะมีเงิน 1,020,047 บาท แต่หากสะสมด้วยอัตราสูงสุดที่ 15% จะมีเงิน 5,100,234 บาท ซึ่งได้เงินต่างกันถึง 4,080,187 บาท เลยทีเดียว
2.ตัดเงินเพื่อออมหรือลงทุนเองแบบอัตโนมัติ จากบัญชีเงินเดือน ตอนแรกอาจจะยุ่งยากเรื่องเอกสารสักหน่อย แต่ต่อไปจะสะดวกมาก หักไปสัก 10% เป็นการออมหรือลงทุนก่อนใช้ เช่น ฝากรายเดือนในบัญชีปลอดภาษี ครบแล้วนำไปฝากประจำหรือลงทุนต่อ หรือลงทุนรายเดือนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และประกันชีวิตแบบบำนาญ
ทั้งสองวิธีแรกนี้เราจะได้ทั้งออมเงินและประหยัดภาษีด้วย (ดูรายละเอียดสิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ที่ บทความ ผู้มี
เงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนอะไรได้บ้าง? ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร)
3.เพิ่มรายได้ ไม่ว่าจะเป็นทำโอที เลื่อนตำแหน่ง หางานใหม่ เปลี่ยนงานอดิเรกเป็นงานเสริม หรือสนใจอะไรแต่ยังทำไม่เป็น ก็สามารถเรียนได้ทั้งที่เป็นคอร์สและผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งจะทำให้เรามีเงินออมหรือไปลงทุนเพิ่มขึ้น ดีไม่ดีอาจช่วยให้เรามีรายได้หลังเกษียณอีกด้วย
4.ลดรายจ่าย นอกจากลดรายจ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว ภาษีก็ถือเป็นรายจ่ายที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นอกจากการออมที่ลดภาษีได้แล้ว ควรศึกษาวิธีประหยัดภาษีอื่นๆ ด้วย แล้วเอาเงินที่ประหยัดได้ทั้งจากชีวิตประจำวันและภาษีมาต่อยอดให้เงินงอกเงยต่อไปเรื่อยๆ
5.เอาตัวเองออกจากหนี้ หนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไม่เก็บเงินเพื่อเกษียณ โดยเฉพาะหนี้บริโภคอย่างบัตรเครดิต ยิ่งจ่ายน้อยจ่ายนาน ยิ่งเสียดอกเบี้ยมาก จึงควรหาทางออกจากหนี้ให้เร็วที่สุด เช่น ตั้งงบประมาณเพื่อที่จะใช้น้อยกว่าที่หาได้ แล้วนำเงินส่วนที่ไม่ต้องใช้มาโปะหนี้
วัยเกษียณเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเราเตรียมการเงินให้พร้อม เลือกวิธีที่โดนใจและเหมาะกับคุณ จะใช้เพียงหนึ่งหรือผสมผสานหลายตัวช่วยกันก็ได้ แต่ไม่ว่าตัวช่วยจะแพรวพราวขนาดไหน ก็ไม่สำคัญเท่าคุณจะ “ลงมือทำ” เมื่อไหร่ต่างหากครับ


