ยื้อออกใบอนุญาตรง.อุตฯ
รอทุกกลุ่มยื่นครบให้รวดเดียว ป้องกันเสียงครหาไม่โปร่งใส
โพสต์ทูเดย์
— อุตฯ ยื้อออกใบอนุญาตโครงการหลุด 11 กิจการรุนแรง หวั่นถูกโจมตีเอื้อประโยชน์เฉพาะราย สั่งรอให้ครบค่อยอนุมัติรวดเดียวนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หน่วยงานอนุมัติ อนุญาต ได้แก่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) อยู่ระหว่างการพิจารณาตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ประกาศ 11 กิจการรุนแรง และรัฐธรรมนูญมาตรา 67 เพื่อออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการที่ไม่เข้าข่ายกิจการรุนแรง คาดว่าจะรอออกใบอนุญาตให้พร้อมๆ กัน
ทั้งนี้ ห่วงว่าถ้าออกให้รายใดก่อนจะมีปัญหาว่าเอื้อประโยชน์ให้เป็นพิเศษ ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ จึงยังไม่ได้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการรายใดเลย รวมถึงโครงการโรงแยกก๊าซฯ 6 ของกลุ่ม ปตท.ก็ต้องรอพร้อมรายอื่นๆ
ในส่วนกลุ่มที่เข้าข่ายกิจการรุนแรงที่อยู่นอก 76 โครงการในมาบตาพุด อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล แต่จะเพิกถอนใบอนุญาตทันทีหรือไม่ อยู่ระหว่างปรึกษาทีมกฎหมาย เพราะถ้าเพิกถอนเอกชนก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้อง หรืออีกแนวทางหนึ่งอาจจะให้เวลาเอกชนดำเนินการตามมาตรา 67 ถ้าไม่เสร็จตามกำหนดเวลาค่อยเพิกถอนใบอนุญาต เป็นต้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กนอ.ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการในมาบตาพุดที่ไม่เข้าข่ายกิจการรุนแรง รับทราบแล้วประมาณ 50 โครงการ โครงการเหล่านี้สามารถดำเนินการได้ตามปกติ ในจำนวนนี้มีโครงการที่ยังรอการพิจารณาออกใบอนุญาตขอใช้พื้นที่ค้างอยู่ 18 โครงการ
โครงการที่รอใบอนุญาตของกรมโรงงานอุตสาหกรรมมี 4 โครงการ เช่น โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 6 ของกลุ่ม ปตท. โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไปยังบริษัท ยูทิลิตี้ ของบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น โครงการศูนย์สาธารณูปการกลาง แห่งที่ 2 ของบริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ รวมแล้วมีโครงการที่รอใบอนุญาตจาก กนอ.และกรมโรงงานอุตสาหกรรม 22 โครงการ
พร้อมกันนี้ นายชัยวุฒิ ได้มอบนโยบายและรับฟังแนวทางการดำเนินงานของ กนอ.ด้วย โดยมอบ นโยบายให้ปรับแนวทางการทำงานเพื่อเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (อีโคทาวน์) ให้มากขึ้นในช่วง 10 ปี จะต้องดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและเพิ่มเฝ้าระวังมลพิษ
แหล่งข่าวจาก กนอ. เปิดเผยว่า กนอ.ได้กำหนดแผนการเงินปี 2554 2557 ตั้งเป้าหมายให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3% ซึ่งในปี 2554 คาดว่าจะมีรายได้ 4,060 ล้านบาท ปี 2557 คาดว่าจะมีรายได้ 4,485 ล้านบาท โดยต้องการสร้างเสถียรภาพ ทางการเงินมากกว่าการเพิ่มของผลกำไร และสัดส่วนรายได้คงไม่เปลี่ยนแปลง รายได้ 50% จะมาจากการบริการสาธารณูปโภค
ช่วงดังกล่าวจะเน้นพัฒนาอีโคทาวน์ กำหนดงบยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเข้าสู่อีโคทาวน์และการรับผิดชอบต่อสังคม (ซีเอสอาร์) มากขึ้น ซึ่งช่วง 4 ปี กำหนดค่าใช้จ่ายด้านอีโคทาวน์ไว้รวม 200 ล้านบาท ถือเป็น 61% ของค่าใช้จ่ายตามแผนปฏิบัติการทั้งหมด เพื่อผลักดันอีโคทาวน์ทำร่อง 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์น นิคมฯ บางปู และนิคมฯ ภาคเหนือนางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า ปี 2554 มีแผนจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังเพิ่ม 3 แห่ง ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู นิคมแหลมฉบังและนิคมบางปะอิน จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 3 แห่ง ที่นิคมมาบตาพุด นิคมอีสเทิร์นซีบอร์ด และนิคมอมตะซิตี้
การเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม จะเพิ่มรูปแบบการให้บริการข้อมูลแบบทันทีทันต่อเหตุการณ์ ผ่านทางศูนย์เฝ้าระวังและทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้งมีแผนปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเพื่อประเมินประสิทธิภาพการบริหารจัดการ บำรุงรักษาโรงงานอุตสาหกรรมในมาบตาพุด และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ กนอ.จะปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์เฝ้าระวัง โดยมีศูนย์เฝ้าระวังแจ้งเตือนด้านสิ่งแวดล้อมและภาวะฉุกเฉิน เช่น การตรวจวัดเฝ้าระวังคุณภาพากาศ การพัฒนาระบบสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย การพัฒนาระบบกระจายข่าว 2 ทาง 30 ชุมชน ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2554


