posttoday

‘Cookly’ บุ๊กกิ้งแพลตฟอร์ม จองเรียนทำอาหารทั่วโลก

24 สิงหาคม 2560

เรื่อง | วราภรณ์ เทียนเงิน"Cookly" บุ๊กกิ้ง แพลตฟอร์ม (Booking Platform) สำหรับการจองทำอาหารให้แก่นักท่องเที่ยว ถือเป็นการเปิดทางเลือกใหม่เพื่อการท่องเที่ยวที่รวบรวมฐานข้อมูลของโรงเรียนสอนทำอาหารทั้งประเทศไทยและทั่วโลก จึงช่วยเปิดตลาดและทำให้การทำอาหารเป็นกิจกรรมใหม่ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด

เรื่อง | วราภรณ์ เทียนเงิน

"Cookly" บุ๊กกิ้ง แพลตฟอร์ม (Booking Platform) สำหรับการจองทำอาหารให้แก่นักท่องเที่ยว ถือเป็นการเปิดทางเลือกใหม่เพื่อการท่องเที่ยวที่รวบรวมฐานข้อมูลของโรงเรียนสอนทำอาหารทั้งประเทศไทยและทั่วโลก จึงช่วยเปิดตลาดและทำให้การทำอาหารเป็นกิจกรรมใหม่ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด

"โกวิท เจริญรัชตพันธุ์" หนึ่งใน ผู้ร่วมก่อตั้ง Cookly เปิดเผยว่า Cookly ถือเป็น บุ๊กกิ้ง แพลตฟอร์ม ที่จะเชื่อมโยงกลุ่มคนที่สนใจอยากเรียนทำอาหาร กับโรงเรียนทำอาหารและสถาบันอาหารต่างๆ ไว้ด้วยกัน โดยจะเชื่อมโยงกับโรงเรียนสอนทำอาหารที่เป็นมาตรฐาน จากเชฟชั้นนำ และโรงเรียนสอนทำอาหารที่มีเอกลักษณ์ รูปแบบพิเศษไม่เหมือนใคร ทั้งนี้ได้เปิดให้บริการมาประมาณ 2 ปีแล้ว

จุดเริ่มต้นที่ได้พัฒนา บุ๊กกิ้ง แพลตฟอร์ม ที่จะเชื่อมโยงกลุ่มคนที่สนใจอยากเรียนทำอาหารกับโรงเรียนทำอาหารต่างๆ ไว้ด้วยกัน มาจากผู้ก่อตั้ง 3 คน ประกอบด้วยตนเอง และเพื่อนชาวต่างชาติจำนวน 2 คน ได้แก่ "เบนจามิน ออสซะไน" ที่เป็นซีอีโอของบริษัท และ "เอเทียน มาร์โล แรนคอร์ท" ในตำแหน่งซีโอโอ โดยเห็นปัญหาความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจเรียนทำอาหาร แต่พบว่าขั้นตอนการจองต้องใช้เวลายาวนานและระบบยังไม่เป็นออนไลน์

ทำให้เรา 3 คนได้นำปัญหาสู่การพัฒนาธุรกิจ โดยก่อนที่จะเริ่มต้นสร้างธุรกิจได้มีการศึกษาข้อมูล สำรวจตลาด ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย นักท่องเที่ยวต่างชาติ และกลุ่มโรงเรียนสอนทำอาหารจำนวนมาก เพื่อให้การจัดตั้งธุรกิจตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด พร้อมได้ศึกษาตลาดและโอกาสความเป็นไปได้ในการสร้างแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่นี้ โดยใช้ระยะเวลาในการพัฒนาเป็นเวลาเกือบ 1 ปีก่อนที่จะเปิดตัวสู่ตลาด

อีกทั้งในช่วงแรกมีการติดต่อไปที่สถาบันสอนทำอาหาร หรือโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลนำเสนอแก่กลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับได้เปิดตัวในช่วงปลายปีที่เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญ (ไฮซีซั่น) ทำให้ได้รับตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก ทุกคนต่างให้ความสนใจ เพราะยังไม่มีแพลตฟอร์มที่ชัดเจนแบบนี้มาก่อน

"ช่วงแรกที่ได้ก่อตั้งทีม 3 คนผู้ก่อตั้ง เริ่มจากทำงานนอกสถานที่ต่างๆ หลังจากนั้น 3-4 เดือนก็เริ่มเปิดออฟฟิศขนาดเล็ก โดยทีมก่อตั้งทุกคนในช่วงปีแรกก็ทำงานฟรีแลนซ์ไปด้วย หลังจากนั้นในปี 2 ธุรกิจเริ่มขยายตัวมากขึ้น ทำให้เริ่มขยายงานเพิ่มจำนวนทีมงาน ธุรกิจเติบโตและมีรายได้มากขึ้น" โกวิท กล่าว

โกวิท กล่าวต่อว่า หลังจากการเปิดตัวช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ บริษัทได้รับความสนใจจากสื่อในต่างประเทศ สนใจเข้ามาสัมภาษณ์ทำให้ได้ลงสื่อต่างประเทศหลายแห่ง จึงส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักแบรนด์และสนใจติดต่อเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

ในปัจจุบันมีเครือข่ายของกลุ่มโรงเรียนสอนทำอาหาร หรือสถาบันอาหาร ที่รวมอยู่ใน Cookly จำนวนประมาณ 300 แห่ง จาก 11 ประเทศทั่วโลก โดยจะเน้นเลือกประเทศที่มีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมการทำอาหารที่มีความโดดเด่น ได้แก่ ไทย เวียดนาม กัมพูชา บาหลี อินโดนีเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เป็นต้น รวมถึงประเทศล่าสุด คือ โมร็อกโก

ในอนาคตประเทศกลุ่มโรงเรียน หรือสถาบันที่จะเป็นเครือข่าย จะเน้นประเทศที่มีวัฒนธรรมการทำอาหารที่พิเศษ โดยอาจจะเป็นประเทศอินเดีย เปรู เม็กซิโก หรือประเทศในทวีปแอฟริกาใต้ ส่วนในไทยก็ยังมีเครือข่าย ความร่วมมือ กับโรงเรียนที่มีเมนูพิเศษ ทั้งเมนูอาหารชนเผ่าพื้นเมือง ชนเผ่าชาวเขาด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ให้ความสนใจอย่างมาก ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัทมาจาก 70 ประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ

"ผลการเปิดตัวในช่วงแรกและมีสื่อต่างประเทศสนใจเข้ามาติดต่อสัมภาษณ์ เมื่อนักท่องเที่ยวได้เห็นก็ให้ความสนใจและติดต่อมา ทำให้โรงเรียนและสถาบันที่สอนทำอาหาร เมื่อทราบข้อมูลก็สนใจเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายมากขึ้นเรื่อยๆ" โกวิท กล่าว

รวมถึงทีมได้จากส่งเสริมและมีนักลงทุนเข้ามามากขึ้น ทั้ง "กองทุน 500 ตุ๊กตุ๊ก" และเข้าร่วมโครงการของ "Dtac Accelerate 2017" จึงช่วยผลักดันองค์กร และการเติบโต รวมถึงการขยายตลาดใหม่ๆ อีกทั้งมีกองทุนร่วมลงทุนหลายแห่งสนใจติดต่อเข้ามาลงทุนเช่นกัน

สำหรับ Cookly ที่มุ่งเน้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยสามารถเจาะตลาดลูกค้าได้ทุกกลุ่ม และทุกวัยที่ชื่นชอบการทำอาหาร รวมถึงกลุ่มคู่รักที่ชอบทำอาหาร สามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมเรียนทำอาหารร่วมกันได้ โดยพบว่าอาหารยอดนิยมที่ลูกค้าต่างชาติสนใจทำมากที่สุดคือ อาหารไทย รองลงมา บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และอันดับ 3 ญี่ปุ่น ซึ่งเมนูอาหารไทยที่ลูกค้าทำสูงสุด จะเป็นแกงเขียวหวาน รองลงมา ต้มยำกุ้ง และผัดไทย

"กลุ่มครอบครัวและกลุ่มคู่รักสามารถเข้ามาเรียนทำอาหารร่วมกันเพื่อให้มีกิจกรรมทำพร้อมกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะคู่รักที่เมื่อการทำอาหารก็ทำให้ได้ช่วยเห็นมุมที่อ่อนโยนของกันและกันได้" โกวิท กล่าว

โกวิท กล่าวอีกว่า สำหรับข้อแนะนำคนที่กำลังสนใจอยากสร้างทีมและเริ่มทำสตาร์ทอัพ อยากให้สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีตลาดรองรับ มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างชัดเจน หรือเลือกนำปัญหาที่มีอยู่มาสร้างแพลตฟอร์มเพื่อช่วยแก้ปัญหา รวมถึงต้องเป็นธุรกิจที่มีรายได้เข้ามาด้วยเพื่อผลักดันให้องค์กรอยู่ได้ต่อไป อีกทั้งหากทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่ตรงกับตลาดก็ต้องยอมรับข้อปัญหา หรือความผิดพลาดเพื่อแก้ไขหรือปรับโมเดลธุรกิจใหม่อย่างทันที

"ทั้ง 3 คนทีมก่อตั้ง เคยทำ สตาร์ทอัพด้านอื่นมาก่อน โดยพบว่า ไม่ตรงกับตลาด ทุกคนก็พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่อย่างรวดเร็ว เพื่อเริ่มต้นสร้างสิ่งใหม่ ซึ่งเชื่อว่าการทำสิ่งที่เรารักจะเป็นแรงผลักดันที่ดี" โกวิท กล่าว

อีกทั้งในปัจจุบัน รูปแบบของการพัฒนาของบริษัทก็มีคู่แข่งมากขึ้น และมีบริษัทใหญ่ระดับโลก ที่มีบริการใกล้เคียงกัน แต่บริษัทมีจุดแข็งภายในทั้ง รูปแบบและบริการต่างๆ ที่ไม่มีเหมือนใคร มีการมุ่งกลุ่มลูกค้าและวางกลยุทธ์ธุรกิจนโยบายอย่างชัดเจน ส่งผลให้องค์กรเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

"ทีมงานทุกคนที่ทำ เราต่างมีความสนใจและชื่นชอบเรื่องทำอาหารอย่างมาก ทุกอย่างมาจากความรักในการ ผลักดันพัฒนาทั้งทีม บริษัทอย่างไม่ หยุดนิ่ง" โกวิท กล่าว

ในระยะยาวบริษัทพร้อมที่จะขยายตลาดและกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงขยายลูกค้าเป้าหมายนักท่องเที่ยวไปทั่วโลก เพื่อร่วมสร้างการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ทุกคนเมื่อเดินทางไปท่องเที่ยวก็ต้องนึกถึงการทำกิจกรรมเรื่องทำอาหาร เหมือนกิจกรรมดำน้ำที่เป็นเหมือนกิจกรรมหลักที่ทุกคนจะนึกถึงเมื่อเดินทางท่องเที่ยว พร้อมกับผลักดัน Cookly เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว n

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันอังคารที่ 16 ธ.ค. 68