posttoday

วัฒนธรรมทางการเมืองคือพื้นฐานของการปฏิรูปประเทศ

28 สิงหาคม 2560

รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณวัฒนธรรมทางการเมืองเป็นเรื่องของทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม และความรู้ของประชาชนมีต่อการเมือง มีส่วนกำหนดพฤติกรรมทางการเมืองของบุคคล วัฒนธรรมทางการเมืองอาจแบ่งได้ 3 ประเภท คือ วัฒนธรรมทางการเมืองแบบดั้งเดิมจำกัดวงแคบ แบบไพร่ฟ้า และแบบมีส่วนร่วม ในสังคมประชาธิปไตย วัฒนธรรมทางการเมืองของประชาชนโดยทั่วไปที่เรียกว่า วัฒนธรรมทางการเมืองแบบอารยชนที่ค่อนข้างโน้มเอียงไปแนวทางความคิดประชาธิปไตยตะวันตก แต่ในประเทศไทยโดยทั่วไป วัฒนธรรมทางการเมือง มีลักษณะผสมผสาน ขึ้นอยู่ว่าจะโน้มเอียงไปในทางประชาธิปไตยหรือเผด็จการ วัฒนธรรมทางการเมือง คือ พื้นฐานของการปฏิรูปประเทศที่ต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ประการที่ 1 กฎหมายรัฐธรรมนูญที่ต้องรองรับสนับสนุน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนให้มีสำนึกและผูกพันต่อระบอบการปกครองอย่างแท้จริง ประการที่ 2 จะต้องทำให้สถาบันและกระบวนการทางการเมืองรองรับสนับสนุน วัฒนธรรมทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ได้แก่ การที่ต้องส่งเสริมให้สถาบันทางการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคการเมืองเป็นองค์กรที่ประชาชนเป็นเจ้าของและสามารถเป็นกลไกสู่การเลือกตั้งที่แข่งขันกันอย่างมีธ

รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ

วัฒนธรรมทางการเมืองเป็นเรื่องของทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม และความรู้ของประชาชนมีต่อการเมือง มีส่วนกำหนดพฤติกรรมทางการเมืองของบุคคล วัฒนธรรมทางการเมืองอาจแบ่งได้ 3 ประเภท คือ วัฒนธรรมทางการเมืองแบบดั้งเดิมจำกัดวงแคบ แบบไพร่ฟ้า และแบบมีส่วนร่วม ในสังคมประชาธิปไตย วัฒนธรรมทางการเมืองของประชาชนโดยทั่วไปที่เรียกว่า วัฒนธรรมทางการเมืองแบบอารยชนที่ค่อนข้างโน้มเอียงไปแนวทางความคิดประชาธิปไตยตะวันตก แต่ในประเทศไทยโดยทั่วไป วัฒนธรรมทางการเมือง มีลักษณะผสมผสาน ขึ้นอยู่ว่าจะโน้มเอียงไปในทางประชาธิปไตยหรือเผด็จการ วัฒนธรรมทางการเมือง คือ พื้นฐานของการปฏิรูปประเทศที่ต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ประการที่ 1 กฎหมายรัฐธรรมนูญที่ต้องรองรับสนับสนุน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนให้มีสำนึกและผูกพันต่อระบอบการปกครองอย่างแท้จริง ประการที่ 2 จะต้องทำให้สถาบันและกระบวนการทางการเมืองรองรับสนับสนุน วัฒนธรรมทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ได้แก่ การที่ต้องส่งเสริมให้สถาบันทางการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคการเมืองเป็นองค์กรที่ประชาชนเป็นเจ้าของและสามารถเป็นกลไกสู่การเลือกตั้งที่แข่งขันกันอย่างมีธรรมาภิบาล เป็นต้น

วัฒนธรรมทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองในทุกสังคมการเมือง หากปราศจากซึ่งวัฒนธรรมจะทำรัฐชาติ หรือทุกสังคมการเมือง ขาดความสมบูรณ์ของการแสดงซึ่งสัญลักษณ์ทางการเมืองตลอดจนลักษณะสำคัญในเรื่องวิถีชีวิตของคนในสังคมการเมืองนั้นๆ ดังนั้น ในเบื้องต้นนี้วัฒนธรรมทางการเมืองจึงเป็นเรื่องวิถีชีวิตของมนุษย์อย่างหนึ่งที่รวมตัวกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปมีการตกลงที่ใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างอันส่งเสริมให้กลุ่มของมนุษย์หรือสังคมการเมืองนั้นดำรงอยู่ได้และสืบทอดวัฒนธรรมทางการเมืองนั้นไปสู่อนุชนรุ่นหลังได้ ด้วยเหตุนี้วัฒนธรรมทางการเมืองจึงเป็นเรื่องการสร้างเอกลักษณ์ของสังคมการเมืองอย่างหนึ่ง

แต่อย่างไรก็ตามวิวัฒนาการของวัฒนธรรมทางการเมืองนั้นมีความผสมกลมกลืนกันกับสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เนืองๆ ตลอดจนมีการถ่ายโอน เกื้อกูลในสังคมการเมืองโลกอย่างหลากหลาย จึงทำให้วัฒนธรรมทางการเมืองเป็นเรื่องของ "ค่านิยม" (Value) ที่แต่ละสังคมการเมืองตระหนักและให้คุณค่าทั้งเหมือนกันและแตกต่างกัน ดังนั้นจะสังเกตได้ว่า วัฒนธรรมทางการเมืองเป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องบ่งชี้ทางการเมืองอย่างหนึ่งที่ยังเกิดขึ้นในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคมเมืองนั้นๆ

การสร้างประชาธิปไตย (Democ ratization) มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับวัฒนธรรมทางการเมือง หากวัฒนธรรมทางการเมืองมีแนวโน้มเป็นประชาธิปไตยอันได้แก่ คุณลักษณะ ของการยึดมั่น สิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค การมีเหตุผล ที่สำคัญคือ การมีจิตสำนึกหน้าที่พลเมืองแยกผลประโยชน์ส่วนตนคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ หากประชาชนมีวิถีชีวิตเยี่ยงนี้ การปฏิวัติรัฐประหารอาจไม่มี แต่ในสังคมไทยมีมาแล้วหลายครั้ง คงยืนยันได้ว่าวัฒนธรรมประชาธิปไตยจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกันต่อไป

ในขณะที่วัฒนธรรมทางการเมืองเชิงเผด็จการมีหลากหลายแนวทาง แนวทางหนึ่ง ที่สังเกตพบในสังคมไทยในวันนี้ที่ปกครองโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังคงเน้นที่อำนาจนิยม เด็ดขาด การสร้างความรับ ผิดชอบในทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่ผู้นำ แต่เพียง ผู้เดียวสิ่งที่ คสช.ใช้ในการสร้างประชาธิปไตยที่เด่นชัดคือ ความพยายามในการสร้างการยอมรับในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค การรับฟัง ความคิดเห็น การใช้หลักเหตุและผลในการอธิบายความจำเป็นที่ต้องเข้ามาควบคุมรัฐ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดวัฒนธรรมทางการเมืองของไทยเป็นรูปแบบผสมผสานระหว่างความเป็นประชาธิปไตยและความเป็น เผด็จการดำรงอยู่คู่กัน ในขณะรัฐธรรมนูญปี 2560 ทำให้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และมีแนวทางการปฏิรูปประเทศที่ต้องเป็นรูปธรรม ซึ่งโดยหลักการแล้วจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องมีวัฒนธรรมทางการเมืองเป็นพื้นฐานของการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน วัฒนธรรมทางการเมืองจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องออกแบบการเสริมสร้างให้ชัดเจน ค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมทาง การเมืองแบบเผด็จการดูเหมือนมีเจตนารมณ์อย่างหนักแน่นว่าจะเป็นไปในการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเพื่อเข้ามา สร้างระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีความเป็นไปได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้การยอมรับในระยะแรกกล่าวคือ มีการต่อต้านน้อยแต่ระยะยาวไม่แน่ อาจมีการต่อต้านมากขึ้นหรือไม่มีเลย ในขณะเดียวกัน คสช. ก็เร่งสร้างความชอบธรรมทางการเมืองโดยพยายามเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมืองแบบดั้งเดิมและแบบไพร่ฟ้าไปสู่วัฒนธรรมทางการเมืองแบบมีส่วนร่วม พบว่าบันได 3 ขั้นก่อนการเลือกตั้งจะต้องผ่านกระบวนการอบรมกล่อมเกลาทางการเมือง (Socialization) เปลี่ยนผ่านสักระยะหนึ่ง ที่ต้องอาศัยความ ร่วมไม้ร่วมมือของทุกฝ่าย ทุกสี ข้ามพ้นคำว่า ปรองดองและสมานฉันท์ ไปสู่ การสร้างรัฐชาติใหม่ที่ยั่งยืนและมีความสุข เช่น เราควรมีคำถามตั้งโจทย์กันใหม่ว่าวัฒนธรรมทางการเมืองแบบไทย ไทย (เผด็จการผสมประชาธิปไตย) จะมีจุดเด่นอะไรที่นำไปสู่การหลุดพ้นจากระบบนายทุนสามานย์ หรือการที่ทำให้คนในชาติมีความเข้มแข็งและยังผลประโยชน์ของชาติสู่อนุชนรุ่นหลังได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่ใช่เพียงการปฏิรูปทาง การเมือง เศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น

โดยสรุป วัฒนธรรมทางการเมืองสามารถเปลี่ยนแปลงได้ สามารถสร้างความโน้มเอียงให้ไปในทางเผด็จการหรือประชาธิปไตย การเอกซเรย์หรือเจาะลึกในพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อค้นหาอุดมการณ์ที่แท้จริงของคนในชาติเพื่อนำมาซึ่งการมีส่วนร่วมทางการเมือง (Political Participation) มักจะถูกท้าทายอยู่เสมอว่าเร่งรีบที่จะเป็นประชาธิปไตยโดยไม่ใคร่ครวญถึงความเป็นตัวแทนที่แท้จริงของกลุ่มต่างๆ อาจส่งผลเสียต่อการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน และวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี บทเรียนในปี 2549 ที่ได้แต่เสื้อคลุมประชาธิปไตยโดยทหารเป็นคนตัดเสื้อให้แล้วให้ประชาชนรับรองโดยการออกเสียงแสดงประชามติรับรองรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และในที่สุด ก็ถูกฉีกลงโดย คสช. ดังนั้น คสช.จึงเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่ต้องการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมใหม่ แต่ต้องตระหนักถึง "ความรู้ความเข้าใจ" ของประชาชนด้วยคำถามที่ว่าปฏิรูปการเมืองเพื่อใครและอย่างไรและใครคือตัวจริงโดยเฉพาะ "ภาคประชาชน" ควรมีบทบาทนำมากกว่า คสช. ใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่สำคัญไปกว่าการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมทางการเมืองให้เป็นแบบของไทย ไทย ที่สมบูรณ์ที่เอื้อต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์นั้นเอง n

ข่าวล่าสุด

ไทยเบฟคว้า 2 รางวัลอาหารจากเวที RED TABLE AWARDS 2025