อนุมัติสมาร์ทวีซ่าอยู่ไทยยาว4ปี

อนุมัติสมาร์ทวีซ่าจูงใจผู้เชี่ยวชาญมาทำงานในไทยอาศัยในประเทศได้ยาว 4 ปีพร้อมครอบครัว

นายอำพน กิตติอำพน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (บยศ.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบแนวทางการตรวจลงตราสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และบุคลากรจากต่างชาติ หรือ สมาร์ทวีซ่า

ทั้งนี้ กำหนดจะให้บุคคลที่สามารถถือสมาร์ทวีซ่าได้ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มผู้มีทักษะสูงมีความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมสูง เช่น แพทย์ วิศวกรด้านการบิน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่มาทำงานในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) กลุ่มนี้จะได้รับวีซ่า 4 ปี ไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน (เวิร์กเพอร์มิต) พร้อมคู่สมรสและบุตร โดยขยายระยะเวลาการรายงานตัวจากเดิมทุก 90 วัน เป็นปีละ 1 ครั้ง

กลุ่มที่ 2  นักลงทุนที่ได้รับการ ส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้ระยะวีซ่า 2-4 ปี ขึ้นอยู่กับว่าเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมใด โดยคู่สมรสและบุตรจะได้สิทธิเช่นเดียวกัน ระยะเวลารายงานตัวปีละ 1 ครั้ง  3.กลุ่มสตาร์ทอัพที่ระยะเวลาได้วีซ่า 2-4 ปี ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสตาร์ทอัพกลุ่มใด หากเป็นกลุ่มใช้เทคโนโลยีสูงจะได้ 4 ปี ส่วนเงื่อนไขอื่นจะเหมือน 2 กลุ่มแรก

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ให้สำนักงาน บีโอไอ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันเป็นหน่วยงานกลางจัดทำรายละเอียดและติดตามการปรับปรุงระเบียบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง

"สมาร์ทวีซ่าจะดึงดูดให้นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญความสามารถสูงเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีให้เวลาในการจัดทำรายละเอียด 3 เดือน และทั้งหมดต้องเสร็จภายในเดือน ธ.ค. เพื่อรัฐบาลจะเริ่มคิกออฟใช้สมาร์ทวีซ่าในเดือน ม.ค. 2561" นายอำพน กล่าว

นายอำพน กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร ที่ล่าสุดคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้อนุมัติให้นำเงินกองทุนของ กสทช. วงเงิน 4,000 ล้านบาท ใช้ลงทุนในระบบการอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร ซึ่งจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

พร้อมกันนี้ยังรับทราบความคืบหน้าการพัฒนาระบบความยากง่ายในการประกอบธุรกิจที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ระบุว่า ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จะสามารถออกใบอนุญาตต่างๆ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด 21 ใบอนุญาต