ข้าวถุงแข่งราคาดุ ดิ้นกู้ยอดสู้ปัจจัยลบ

โดย...จะเรียม สำรวจ

จากปัญหากำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยมีความเชื่อว่า การรับประทานข้าวแล้วทำให้อ้วน จึงทำให้ปริมาณการขายข้าวถุงภายในประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับปีนี้

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลออกมาเดินหน้าระบายข้าวที่ค้างอยู่ในสต๊อก ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการข้าวถุงได้รับผลกระทบจากการขายข้าวถุงพอสมควร เนื่องจากราคาขายข้าวถุงของภาครัฐจะมีราคาถูกกว่าภาคเอกชน จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการข้าวถุงของไทยต้องแข่งขันในเรื่องของราคาขายอย่างรุนแรง เพื่อกระตุ้นให้ยอดขายเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

สมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงตราข้าวมาบุญครอง และกลุ่มธุรกิจ เอ็ม บี เค ฟู้ด โซลูชั่น ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสุกี้นัมเบอร์วันและร้านอาหารญี่ปุ่นฮินะ กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดข้าวถุงในปีนี้มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะในเรื่องของราคาขาย เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อข้าวถุงของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไป คือ หันมาซื้อข้าวถุงที่ราคาถูกลงจากเดิม

ตัวอย่างเช่น จากเดิมเคยซื้อข้าวขาวในราคาประมาณ 100 บาท/5 กิโลกรัม ก็หันมาซื้อข้าวขาวในราคา 75-80 บาท/5 กิโลกรัมมากขึ้น เช่นเดียวกับการซื้อข้าวถุงหอมมะลิจากเดิมเคยซื้อที่ราคา 200 บาท/5 กิโลกรัม ก็หันมาซื้อข้าวหอมมะลิราคา 160 บาทมากขึ้น เป็นต้น

การใช้จ่ายอย่างระมัดระวังดังกล่าวของผู้บริโภค ส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างออกมาปรับราคาขายข้าวถุงลดลงเฉลี่ยที่ประมาณ 20% เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคและจากการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว สมเกียรติ ยอมรับว่า ได้รับผลกระทบในด้านของยอดขายพอสมควร เนื่องจากราคาข้าวถุงมาบุญครองค่อนข้างสูง และจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานข้าวถุงมาบุญครองในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีอัตราการเติบโต

ทั้งนี้ จากการที่ไม่สามารถลงไปแข่งขันในเรื่องของราคาได้มากนักเหมือนคู่แข่งในตลาด ส่งผลให้ข้าวมาบุญครองต้องปรับกลยุทธ์ในการทำตลาด ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เช่น การเปิดตัวข้าวอินทรีย์ และข้าวออร์แกนิกเข้ามาทำตลาด เนื่องจากปัจจุบันคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มข้าวปลอดสารพิษและข้าวอินทรีย์มีการเติบโตสูงกว่า 20% ในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา

ปัจจุบันข้าวถุงมาบุญครองมีสินค้าในรูปแบบอินทรีย์และออร์แกนิกผลิตเข้าทำตลาดมากกว่า 20 ชนิด เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ ซึ่งในส่วนของสินค้าดังกล่าวได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดคุณภาพข้าวอินทรีย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาและ USDA และจาก EU เป็นมาตรฐานระดับสากล ซึ่งการันตีว่าผลิตภัณฑ์มีความพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกจนถึงมือผู้บริโภค

สมเกียรติ กล่าวต่อว่า ข้าวอินทรีย์เป็นสินค้าที่มีโอกาสทางการตลาดสูง บริษัทจึงให้ความสำคัญและจะผลักดันเป็นสินค้าดาวเด่นในอนาคตให้ทัดเทียมกับตลาดข้าวหอมมะลิ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ในส่วนของตลาดในประเทศที่บริษัทมองเห็นโอกาส เพราะว่าคนไทยหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น ขณะที่ตลาดต่างประเทศเองก็มีความต้องการสั่งซื้อสูง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าความต้องการของผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศจะมีสูง แต่การส่งออกข้าวอินทรีย์ที่มีมาตรฐานยังมีไม่มากในตลาด ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวข้าวมาบุญครอง จึงเล็งเห็นโอกาสที่เข้าไปขยายธุรกิจในตลาดดังกล่าวมากขึ้น

นอกจากนี้ สมเกียรติ ยังมีแผนที่จะเพิ่มเมนูอาหารกลุ่มข้าวอินทรีย์ เข้าไปให้บริการในส่วนของร้านอาหารสุกียากี้นัมเบอร์วัน และร้านอาหารญี่ปุ่นฮินะ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ

แม้ว่าจะออกมาปรับกลยุทธ์การทำตลาดข้าวมาบุญครอง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แต่ สมเกียรติ ก็คาดว่า ภาพรวมรายได้ในสิ้นปี 2560 นี้จะยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายต่ำกว่าเป้าหมาย

ขณะที่ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ยังไม่มีสัญญาณบอกที่กำลังซื้อของผู้บริโภคจะฟื้นตัว ดังนั้นภาพรวมรายได้ของข้าวมาบุญครองในปีนี้ จึงอาจจะมีอัตราการเติบโตแค่เพียง 5-10% ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้เมื่อต้นปีว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 20%

สำหรับเรื่องปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดขณะนี้ สมเกียรติ มองว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจข้าวมากนัก เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ และข้าวส่วนใหญ่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว