ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น แนะกลยุทธ์ลงทุนคุ้มค่า

เรื่อง | ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญ

การเดินหน้าสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไม่แพ้คู่แข่งทั้งจากในและนอกประเทศนั้น ยังคงมีผู้บริหารองค์กรธุรกิจอีกมากที่ยังชะลอการลงทุน เพราะมองว่าจะต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล หรือเพิ่งเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ไป ไม่อยากทำซ้ำซ้อนซึ่งการลงทุนในเรื่องของดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นนั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องของเงินลงทุนเท่านั้น

มารุต มณีสถิตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและพม่า บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด ให้ความ เห็นว่าการปรับภาพธุรกิจให้พร้อมต่อ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นนั้น ต้องมีความพร้อม 3 ด้าน คือ บุคลากร (People) กระบวนการ (Process) และเทคโนโลยี (Technology) ซึ่งในภาพธุรกิจไอที ทุกค่ายมีความใหม่และดีด้วยกันทั้งสิ้น แต่องค์กรต้องมองความพร้อมของตนเอง ก่อนว่าพร้อมหรือไม่

ทั้งนี้ หากมองเรื่องการลงทุนเทค โนโลยีใหม่ๆ ผู้บริหารจะเลือกที่ราคาแพงที่สุดก่อนเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ที่จริงแล้วควรมองว่า การเลือกซื้อเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีราคาแพงนั้น จะเอาไปใช้ทำอะไรและได้ใช้งานครบทุก โซลูชั่นหรือเปล่า เป้าหมายของการลงทุน คืออะไรและทีมงานมีความพร้อมหรือไม่

จากนั้นอยากให้ทีมงานทั้งหมดของธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจลงทุนเทคโนโลยีเลือกใช้งานจากความต้องการก่อน เพราะการผลักดันเรื่องไอทีขององค์กรจะต้องมาจากความต้องการและพร้อมที่จะใช้งานด้วย ดังนั้น การเลือกลงทุนเทคโนโลยีควรมองก่อนว่าของเดิมดีหรือยัง อะไรที่ยังขาด และเลือกโซลูชั่นตามการใช้งานจริงไม่ใช่ทั้งหมด

"เลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์การทำงาน ไม่ต้องตามเทรนด์ไปทั้งหมด ถ้าของเดิมที่มีใช้งานได้ดีอยู่แล้ว อาจลงทุน แค่ส่วนเสริมไม่ต้องนับหนึ่งใหม่" มารุต กล่าว

ด้าน วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อพูดถึงดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น หลายคนอาจจะมองแค่บริการที่ให้ใช้งานภายนอก เช่น บล็อกเชน เอไอ ไอโอที เท่านั้น แต่ที่จริงแล้วเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานหรือการเชื่อมต่อเครือข่ายก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน

การเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายในอดีต ไม่มีใครคาดคิดว่าจะถูกโจรกรรมข้อมูลได้ เพราะมองว่าก็แค่เชื่อมต่อภายสายแลน หรือไว-ไฟ ซึ่งระหว่างทางของข้อมูลนั้นไม่น่าจะมีอะไรมาแทรกระหว่างกลางได้ แต่ในปัจจุบันเพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือเสียบชาร์จสมาร์ทโฟนแบบหัวยูเอสบีในสถานที่สาธารณะ เราก็อาจถูกขโมยข้อมูลได้แล้ว ยิ่งเทคโนโลยีเดินหน้าเร็วเท่าไร อาชญากรไซเบอร์มักจะเดินตามทันไม่แพ้กัน

สมัยก่อนการทำเว็บไซต์ขององค์กรด้วย Http : ถือว่าเป็นเรื่องใหม่แล้วนอกจากการลงทุนเรื่องเมกะเทรนด์ เพราะการทำ API หรือ Application Programming Interface ซึ่งเป็นช่องทางการเชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์หนึ่งไปยังอีกเว็บไซต์หนึ่ง ถือว่าเป็นอีกเทรนด์ การเชื่อมต่อระบบหลังบ้านสำหรับอนาคตที่ควรมองไว้ให้พร้อม รองรับการทำงานของบล็อกเชนและวิเคราะห์บิ๊กดาต้าได้ด้วย

กรณีหากกำลังจะลงทุนเรื่องบล็อกเชนนอกจากเรื่องของโครงสร้างระบบหลังบ้านแล้ว การเปิดแพลตฟอร์มกลางเพื่อให้ระหว่างองค์กรแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างอิสระก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างอิสระก็ช่วยให้การประสานงานของหน่วยงานที่ข้องเกี่ยวกันทำได้เร็วขึ้น

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะมองว่า ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นคือโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยทำให้งานเดินหน้าจากการทำงานระบบเดิมมาเป็นดิจิทัล หรือการรื้อระบบหลังบ้านทั้งหมดเพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่จริงเสียทีเดียว เพราะหากไม่มีบางเทคโนโลยีที่รองรับการทำงานสำหรับอนาคตอาจต้องเริ่มต้นนับหนึ่ง เช่น หากให้บริการอี-คอมเมิร์ซ แต่ไม่มีระบบเพย์เมนต์ก็ต้องลงทุนใหม่ทั้งหมดแน่นอน แต่ถ้าคุณมีระบบต่างๆ อยู่แล้วแค่หาโซลูชั่นเสริมเพื่อรองรับการใช้งานก็เพียงพอ

ยกตัวอย่าง ธนาคารที่มีข้อมูล เกี่ยวกับลูกค้าจำนวนมากแต่ไม่มีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ดีพอ จะไม่ทราบเลยว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายลูกค้าคืออะไร จะนำเสนอโปรโมชั่นที่เหมาะกับเขาได้อย่างไร เช่น ลูกค้ามีประกันในมือแล้วหลายตัวแต่ยังนำเสนอซ้ำ ถามว่าลูกค้าจะตัดสินใจ ซื้อเพิ่มหรือไม่ และถ้าลูกค้ามีความพึงพอใจในประกันเดิมอยู่แล้วแต่ยังนำเสนอให้เกิดความเปรียบเทียบ อาจส่งผลให้เกิดการต่อต้านแบรนด์ได้

แต่ต้องยอมรับว่า นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) ในไทยยังมีน้อย ดังนั้น องค์กรต่างๆ อาจต้องมองเรื่องการลงทุนเอไอเพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูล ถือว่าเป็นอีกขั้นหนึ่งของการลงทุนเรื่องดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กรที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเอไอถือว่าเป็นเรื่องสำหรับอนาคต

องค์กรที่หวังใช้ไอทีเดินหน้าธุรกิจและมองเรื่องดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ไม่ต้องมองเรื่องลงทุนใหม่เพียงอย่างเดียว เพราะการลงทุนครั้งเดิมที่มหาศาลจะไม่เสียเปล่าหากเลือกนำมาปรับใช้งานได้อย่างเหมาะสม n