ไอดอลสามก๊กของเหมาเจ๋อตง
กรกิจ ดิษฐานสองสามสัปดาห์มานี่ผมสนใจการใช้ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องมือของเหมาเจ๋อตงเป็นพิเศษ เหมาเจ๋อตงเป็นนักอ่านตัวยง แต่มีหนังสือ 2 ชุดที่เหมาเจ๋อตงเอาไว้ใกล้ตัวและอ่านอยู่เสมอ (ที่ต้องเรียกเป็นชุดไม่ใช่เล่มเพราะมันมากันเป็นตู้)
กรกิจ ดิษฐาน
สองสามสัปดาห์มานี่ผมสนใจการใช้ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องมือของเหมาเจ๋อตงเป็นพิเศษ เหมาเจ๋อตงเป็นนักอ่านตัวยง แต่มีหนังสือ 2 ชุดที่เหมาเจ๋อตงเอาไว้ใกล้ตัวและอ่านอยู่เสมอ (ที่ต้องเรียกเป็นชุดไม่ใช่เล่มเพราะมันมากันเป็นตู้)
ชุดแรกคือ จือจื้อทงเจี้ยน () หรือ "คันฉ่องช่วยส่องการปกครอง" แต่งสมัยราชวงศ์ซ่ง โดยซือหม่ากวง เขียนสรุปเหตุการณ์ในรอบ 1,400 ปี อย่างรัดกุมแต่แจ่มแจ้ง เหมาะเป็นคู่มือนักปกครอง แม้จะรวบรัดแล้วแต่มีถึง 3 ล้านตัวอักษรจีน อ่านกันตาเปียกตาแฉะ
อีกชุดคือประวัติศาสตร์ 24 ราชวงศ์ () ซึ่งมีบทบาทมากต่อเหมาเจ๋อตง เวลาอ่านแล้วพบที่สะกิดใจจะจดโน้ตไว้จนพราวทั้งเล่ม เป็นหนังสือที่เหมาจดบันทึกช่วยจำไว้มากที่สุด มีทั้งการวิเคราะห์ การประเมินบุคคลสำคัญ ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อนำบทเรียนจากประวัติศาสตร์มาใช้นำทางการปฏิวัติ ปัจจุบันมีการถ่ายสำเนาประวัติศาสตร์ 24 ราชวงศ์ฉบับอรรถาธิบายของประธานเหมาออกจำหน่าย เป็นของดีเด่นทั้งในด้านการศึกษารัฐศาสตร์และศึกษาลายมืออักษรจีนของเหมา
ในประวัติศาสตร์ 4,000 กว่าปีของจีน เหมาเจ๋อตงอ้างช่วงสามก๊กมากที่สุด เวลาเหมาจะกล่าวสุนทรพจน์ หรือแนะแนวทางการศึกการโฆษณาชวนเชื่อจะเอ่ยถึงบุคคลในช่วงเวลานี้ค่อนข้างบ่อย บุคคลที่อยู่ในใจเขามากที่สุดมี 2 คน คือ โจโฉกับจูกัดเหลียง ขงเบ้ง
ผมประเมินเอาเองว่า ในแง่ประมุข โจโฉคือโมเดลที่เหมายกย่อง ส่วนในแง่นักยุทธศาสตร์ขงเบ้งคือไอดอล
ขณะที่ในทัศนะส่วนตัวของผมนั้น ต้องบอกตรงๆ ไม่อ้อมค้อมว่าในบรรดาวีรบุรุษ 3 ก๊ก ผมชอบโจโฉที่สุด
หลายคนได้ยินแล้วคงบอกว่าไอ้นี่มันคบไม่ได้ มีไอดอลเป็นจอมโฉด
ต้องบอกก่อนว่าคนที่ผมชอบไม่ใช่โจโฉ คนโฉดในนิยายของหลอกว้านจงที่เขียนให้วุ่ยอ๋องเจ้าเล่ห์สิ้นดี แต่เป็นโจโฉในทางประวัติศาสตร์ซึ่งคนไทยไม่ค่อยรู้จัก เพราะเราชอบอ่านแต่นิยายสามก๊ก แต่ไม่คุ้นเรื่องบันทึกประวัติศาสตร์ สามก๊ก และประวัติศาสตร์เล่มอื่นๆ ที่ว่าด้วยวุ่ยก๊ก ซึ่งมีหลายเล่มแต่ไม่มีในภาษาไทย แม้แต่อังกฤษก็มีแค่เล่มสองเล่ม
แต่ก่อนนั้นคนจีนทั่วๆ ไปก็มองโจโฉว่าชั่วร้าย แต่คนที่สนใจวิเคราะห์ประวัติศาสตร์อย่างถี่ถ้วนจะรู้ว่าเขาผู้นี้เป็นนักปกครองมือหนึ่ง และผู้ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของโจโฉในประเทศจีนเปลี่ยนไปตลอดกาลคือนักปกครองยุคเช่นเดียวกัน นั่นคือเหมาเจ๋อตง
เหมาชมเชยวิธีการปกครองของโจโฉบ่อยครั้ง จนทำให้ทัศนะของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ต่อโจโฉเปลี่ยนไป จากที่คนทั่วไปมองเป็นโจรชั่ว (เพราะอิทธิพลนิยายและงิ้ว) กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้โจโฉคือตัวอย่างนักปกครองที่ดี อย่างเติ้งเสี่ยวผิงก็ยกให้โจโจเป็นนักการเมืองอันดับหนึ่ง หากจะว่ากันที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ โจโจเป็นยอดคนจริงๆ เก่งทั้งบู๊ (กำหนดยุทธศาสตร์ทหารเข้มแข็ง ประชาชนท้องอิ่ม) และบุ๋น (เป็นกวีเอกแห่งยุคสามก๊ก ซึ่งเหมาเอาก็ชอบแต่งกวี) ทั้งยังเป็นผู้วางรากฐานเอกภาพยุคหลังสามก๊กที่แท้จริง
เศรษฐกิจของแผ่นดินที่พังพินาศเพราะตั๋งโต๊ะ จนเกิดภาวะอดอยากไปทั่ว ภาคเหนือที่ โจโฉครอบครองเป็นทุกขลาภโดยแท้เมื่อเทียบกับแคว้นง่อกับแคว้นจ๊กอันอุดม แต่แล้วความย่อยยับที่ว่านี้ถูกโจโฉกำจัดจนสิ้นซาก ด้วยการสั่งให้ทหารทำนาเลี้ยงตัวเอง หรือระบบถุนเถียน ให้ทุนรอนกับอุปกรณ์ทำเกษตรช่วยประชาชนและผู้ลี้ภัยสงครามบุกเบิกที่ทำกิน เมื่อได้ผลแล้วกสิกรนำผลผลิตมามอบให้หลวงกึ่งหนึ่ง ทำให้แคว้นวุ่ยมีกินมีใช้ กระทั่งภาคเหนือทั้งหมดกลายเป็นสีเขียวขจี มีระบชลประทานที่ครอบคลุม ในด้านเทคโนโลยี ยังมีตำราว่าด้วยระบบชลประทานและสภาพภูมิศาสตร์และทรัพยากร
โจโฉยังเก่งเรื่องซื้อใจคน ช่วงใช้คน ตัวเขาไม่ใช่นักพิชัยสงครามที่เก่งกาจหากเทียบกับขงเบ้ง แต่รู้จักเลือกคนที่เก่งพอๆ กับขงเบ้งมาอยู่รอบๆ ตัว และฟังเสียงตักเตือนของพวกเขา ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อตัวมาประดับบารมี คนยุคหลังจึงชื่นชมโจโฉในแง่นักบริหารที่เก่งในเรื่องบริหารทรัพยากรมนุษย์
แน่นอนว่าโจโฉก็เจ้าเล่ห์พอตัว เมื่อมีอำนาจบารมีเทียบฮ่องเต้แล้ว ใช้เครื่องราชูปโภคเยี่ยงฮ่องเต้ คำสั่งประหนึ่งพระบรมราชโองการ แต่กลับไม่ยอมเป็นฮ่องเต้ คงเพราะไม่ใช่ภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น แต่เพื่อใช้ฮ่องเต้ข่มขุนศึกคนอื่นๆ ซึ่งในท้ายที่สุดปรากฏว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล เพราะทุกคนยกตัวเองเป็นฮ่องเต้กันหมด
จะว่าไปแล้วทุกก๊กเมาอำนาจเหมือนๆ กัน ผิดกันก็แค่ใครซ่อนความมัวเมาได้แนบเนียนที่สุดเท่านั้น
น่าเสียดายที่คนทั่วไปติดภาพลักษณ์ของโจโฉในนิยาย ซึ่งดูชั่วร้ายไร้ความสามารถ หากใครได้ศึกษาประวัติศาสตร์สามก๊ก "จริงๆ" จะได้แนวทางการบริหารจากโจโฉไปไม่น้อย
ส่วนผมที่ชอบโจโฉ ไม่ใช่เพราะโจโฉเก่ง แต่รู้สึกเห็นใจที่ถูกนิยายป้ายสีจนเสียคน
ส่วนขงเบ้งมีอิทธิพลต่อเหมามาตั้งแต่ยังเด็กช่วงที่อ่านสามก๊กฉบับนิยาย จนกระทั่งศึกษาในรูปแบบประวัติศาสตร์ เวลาที่พรรคเผชิญกับปัญหาด้านยุทธศาสตร์เขาก็มักยกกลวิธีของขงเบ้งมาเป็นแนวทาง หรือไม่ก็อ้างคติพจน์ของขงเบ้ง เช่น คติที่ว่า "น้อมสดับปัญญาปวงประชา, รับคำชี้แนะจากทั่วหล้า" (, มาจากบันทึกประวัติศาสตร์สามก๊ก () ว่าด้วยแคว้นจ๊ก () บท )
คำๆ นี้ ขงเบ้งเป็นผู้กล่าวสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตัวเขาได้เพื่อชี้แนะและเสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง เหมาจึงชื่นชมขงเบ้งว่า "เอ่ยคำสัตย์, จรรยาน่านับถือ, จิตใจซื่อตรง, มั่นคงยุติธรรม" ซึ่งอันที่จริงท่านประธานน่าจะบอกให้สมาชิกพรรคปฏิบัติตามหลักนี้ด้วย หากคิดจะครองแผ่นดิน
เสียแต่ว่าในนิยายให้ภาพขงเบ้งเก่งเกินมนุษย์ ไม่ได้ประเมินกลศึกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์
ที่น่าเสียดายยิ่งกว่าคือเหมาไม่ประสบความสำเร็จกับการนำหลัก "น้อมสดับปัญญาปวงประชา, รับคำชี้แนะจากทั่วหล้า" ไปใช้ โดยหลังปลดปล่อยประเทศแล้ว มีการริเริ่มให้ประชาชนแสดงความเห็นต่อพรรคคอมมิวนิสต์และแนวทางสร้างชาติ ตามโครงการร้อยบุปผาบานพร้อมพรัก () เมื่อปี 1956 ปรากฏว่าพวกปัญญาชนถล่มพรรคอย่างดุเดือด จนเหมาเปลี่ยมาใช้นโยบายพิฆาตฝ่ายขวา () ในปีถัดมา ปัญญาชนปากกล้าจึงถูกจับกันระนาว
จนบัดนี้ผมยังไม่แน่ใจว่า เหมาอยากใจกว้างแบบขงเบ้ง หรือต้องการวางกับดักเพื่อกวาดล้างฝ่ายเห็นต่างกันแน่
นอกจากโจโฉ ขงเบ้งแล้ว เหมายังชมชอบซุนกวนเป็นพิเศษ สาเหตุหนึ่งเพราะซุนกวนเป็นประมุขแต่ยังเยาว์ แต่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเองและมั่นใจในของดีที่มีอยู่คือจิวยี่ และที่สำคัญคือเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่แพ้ประมุขก๊กอื่น
นี่คือวิธีการใช้ประวัติศาสตร์เพื่อปกครองประเทศของเหมาเจ๋อตง n


