posttoday

Amazon ซื้อ Whole Foods Market ขยายอาณาจักรออฟไลน์

26 กรกฎาคม 2560

ธนาวัฒน์ มาลาบุปผาเมื่อเดือนที่ผ่านมา อเมซอน (Amazon) พี่ใหญ่ตลาดอี-คอมเมิร์ซมีความเคลื่อน ไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ทุ่มงบมหาศาล ในการซื้อกิจการ Whole Foods Market ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ มีสาขามากกว่า 460 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร และมีประวัติความเป็นมากว่า 40 ปี ครั้งนี้อเมซอนต้องการอะไรกันแน่ ลองมาวิเคราะห์กันครับ

ธนาวัฒน์ มาลาบุปผา

เมื่อเดือนที่ผ่านมา อเมซอน (Amazon) พี่ใหญ่ตลาดอี-คอมเมิร์ซมีความเคลื่อน ไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ทุ่มงบมหาศาล ในการซื้อกิจการ Whole Foods Market ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ มีสาขามากกว่า 460 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร และมีประวัติความเป็นมากว่า 40 ปี ครั้งนี้อเมซอนต้องการอะไรกันแน่ ลองมาวิเคราะห์กันครับ

เป็นมากกว่าการซื้อกิจการ

วิจัยของบริษัท กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล ระบุเอาไว้ว่า ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคออนไลน์เป็นตลาดที่มีโอกาสโตอีกมหาศาล อย่างเมื่อปี 2016 ก็โตขึ้นถึง 15% หรือราว 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐทีเดียว ผมมองว่าการซื้อกิจการ Whole Foods Market ของอเมซอนครั้งนี้ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคแน่นอน

การรุกตลาดค้าปลีกของอเมซอนครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่เน้นกำไร แต่เป็นการนำเงินมาลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เกิดประโยชน์หลายๆ อย่างมากกว่า อย่างแรกคือ อเมซอน มองเห็นโอกาสจากตลาดสินค้าอุปโภค บริโภค เพราะจากผลสำรวจ "อนาคตของตลาดอุปโภคบริโภค FMCG ในช่องทางอี-คอมเมิร์ซ" พบว่าในสหรัฐอเมริกา ปริมาณการ จับจ่ายซื้อสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคมีสัดส่วนเพียง 1.4% น้อยกว่าเกาหลีใต้ที่สูงสุดอยู่ที่ 16.6% รองลงมาคือญี่ปุ่น 7.2% สหราชอาณาจักร 6.9% ฝรั่งเศส 5.3% ไต้หวัน 5.2% และจีน 4.2%

ดังนั้น ผมเลยเชื่อว่า อเมซอนอ่านเกมขาด และมองเห็นตรงนี้ว่ามีโอกาสที่จะพัฒนาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซให้โตขึ้นได้อีกจากการใช้ช่องทางออฟไลน์ เข้ามาร่วมกันแบบครบวงจร หลอมรวมเป็นการค้าแบบออมนิแชนแนล ยึดว่าผู้บริโภคจะซื้อตอนไหน ซื้อที่ไหน ซื้อด้วยวิธีการใดก็ได้ ขอให้เกิดการซื้อ และสร้างเอ็นเกจเมนต์กับลูกค้าให้ได้มาก ท้ายสุดจะผลักดันให้อเมซอน กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ด้วยออมนิแชนแนลที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ต่อยอดนวัตกรรม กำจัดจุดอ่อน

การซื้อกิจการทำให้อเมซอนลดระยะเวลาที่จะต้องปลุกปั้นธุรกิจค้าปลีกด้วยตัวเองลงไปได้หลายปี แถมยังมี Physical Store เพื่อขยายอาณาจักรออฟไลน์ตามที่ต้องการ ต่อยอดนวัตกรรม แล้วยังได้ฐานลูกค้า และข้อมูลจาก Whole Foods Market อีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ อเมซอน เฟรช เป็นบริการสั่งซื้อ จัดส่งสินค้าจำพวกอาหารสดทางออนไลน์ ในอนาคตเป็นไปได้ว่า อเมซอนต้องต่อยอดโดยการใช้ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นฐานในการส่งมอบสินค้า หรือใช้เป็นจุดรับสินค้า ให้ลูกค้าสามารถมารับสินค้าได้ที่ Whole Foods Market สาขาที่สะดวกได้ง่ายขึ้น

ความน่าจะเป็นต่อจากนี้ก็คือ อเมซอน อาจนำอเมซอน โก เทคโนโลยีให้สแกนสินค้าผ่านแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งบนสมาร์ทโฟนของผู้ซื้อมาใช้ในกิจการค้าปลีกนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในอนาคตก็เป็นได้

Online สู่ Offline และ Omni channel

อเมซอนเข้ามาจับธุรกิจออฟไลน์ต่อเนื่อง ขณะที่วอลมาร์ตเองก็ก้าวข้ามไปยังโลกออนไลน์เช่นกัน ดังนั้นออมนิแชนแนลคงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ ผมมองว่าในยุคนี้หลายธุรกิจต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อให้อยู่รอดได้ ความเป็นจริงข้อหนึ่งคือ ธุรกิจดั้งเดิมทั้งรายใหญ่และรายย่อยที่ทำแต่ธุรกิจออฟไลน์ต่างหันมาขยายช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่วนธุรกิจที่ไม่ได้ปรับตัวก็อาจต้องสูญหายไปตามยุคสมัย ฝั่งธุรกิจออนไลน์ก็ดูเหมือนจะต้องปรับตัวเช่นกัน จากเดิมที่คิดว่ามีแค่ร้านออนไลน์อย่างเดียวก็พอ ต่อจากนี้คงเริ่มมีมุมมองที่จะหันมาขยับขยายสู่ออฟไลน์บ้าง

เมื่ออเมซอนยึดตลาดค้าปลีกวอล มาร์ตคงต้องเหนื่อยและหนักใจมากขึ้น สุดท้ายแล้วการแข่งขันของสองยักษ์ใหญ่จะส่งต่อผลประโยชน์มายังผู้บริโภค โจทย์ต่อไปก็ต้องคิดให้ได้ว่าทำอย่างไรให้คนมาซื้อสินค้าออนไลน์ในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคให้ได้มากขึ้น n

ข่าวล่าสุด

ป.ป.ส. ผนึก DEA สหรัฐฯ เตรียมจัดประชุม Regional IDEC 2026 ที่เชียงราย