ปรมา ไรวา คลื่นลูกใหม่ ธุรกิจอาหาร
เรื่อง พุสดี สิริวัชระเมตตาภาพ วิศิษฐ์ แถมเงินผ่านไปผ่านมา แถวตึกอิตัลไทย ริมถนนเพชรบุรีเวลานี้ หลายคนคงสะดุดตากับร้านอาหารสุดเก๋ที่บรรยากาศชวนนั่ง ด้วยสไตล์การแต่งร้านเป็นห้องกระจก เปิดโล่งพร้อมต้อนรับเหล่านักชิมเข้าไปเปิดประสบการณ์มื้อพิเศษ อย่าง เอสเอ็นพี เฮดควอเตอร์ (SNP Headquater) แบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่ในเครือเอสแอนด์พี ที่ได้ทายาทรุ่นใหม่อย่าง นาม-ปรมา ไรวา ลูกคนสวยของประเวศวุฒิ และเกษสุดา ไรวา น้องสาวของ เนม-ปราการ ไรวา นักร้องนำของวงเก็ตสึโนว่า (Getsunova) มาเป็นหัวเรือใหญ่ โดยมีเป้าหมายใหญ่ คือ ให้ร้านน้องใหม่เป็นมากกว่าร้านอาหารที่มาพร้อมความอร่อย แต่ยังพร้อมมอบประสบการณ์การใช้ชีวิต พร้อมตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น
เรื่อง พุสดี สิริวัชระเมตตาภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
ผ่านไปผ่านมา แถวตึกอิตัลไทย ริมถนนเพชรบุรีเวลานี้ หลายคนคงสะดุดตากับร้านอาหารสุดเก๋ที่บรรยากาศชวนนั่ง ด้วยสไตล์การแต่งร้านเป็นห้องกระจก เปิดโล่งพร้อมต้อนรับเหล่านักชิมเข้าไปเปิดประสบการณ์มื้อพิเศษ อย่าง เอสเอ็นพี เฮดควอเตอร์ (SNP Headquater) แบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่ในเครือเอสแอนด์พี ที่ได้ทายาทรุ่นใหม่อย่าง นาม-ปรมา ไรวา ลูกคนสวยของประเวศวุฒิ และเกษสุดา ไรวา น้องสาวของ เนม-ปราการ ไรวา นักร้องนำของวงเก็ตสึโนว่า (Getsunova) มาเป็นหัวเรือใหญ่ โดยมีเป้าหมายใหญ่ คือ ให้ร้านน้องใหม่เป็นมากกว่าร้านอาหารที่มาพร้อมความอร่อย แต่ยังพร้อมมอบประสบการณ์การใช้ชีวิต พร้อมตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น
"โปรเจกต์นี้ไอเดียมาจากคุณพ่อค่ะ ด้วยความที่ออฟฟิศของเอสแอนด์พีอยู่ที่ตึกอิตัลไทย ที่ผ่านมา เรามีร้านเอสแอนด์พีที่เป็นเบเกอรี่ แต่ไม่มีร้านใหญ่ พอคุณพ่อเห็นสเปซตรงนี้ เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะทำร้าน เอสแอนด์พีที่นี่ แต่ต้องเป็นร้านที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ โดยชูจุดเด่นว่าต้องเป็นร้านที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับแบรนด์เอสแอนด์จริงๆ ซึ่งโปรเจกต์นี้ได้พี่จอม-วิสาขา ไรวา ผู้ก่อตั้งแบรนด์วานิลลา (Vanilla) มาช่วยออกแบบ ดูคอนเซ็ปต์ให้ทั้งหมด"
สาวสวยบอกเล่าถึงที่มาของร้าน พร้อมรอยยิ้มว่า หลังจากเรียนจบด้านการออกแบบเซรามิกจากอังกฤษ เธอได้รับโอกาสให้เข้ามาร่วมทีมการตลาดได้ 1 ปี ก็ได้รับโอกาสครั้งสำคัญให้มาร่วมในโปรเจกต์ร้านอาหารใหม่ของเครือเอสแอนด์พี
"จริงๆ นามชอบทั้งธุรกิจและดีไซน์ คุณแม่เองก็สนับสนุนให้เรียนด้านธุรกิจ แต่ที่นามเลือกเรียนดีไซน์ เพราะคิดว่าศาสตร์นี้จะช่วยเปิดกว้างทั้งไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ให้มากกว่า ในอนาคตเมื่อเราเรียนรู้ด้านธุรกิจเพิ่มเติม ก็จะไม่ติดกรอบความคิดที่เป็นธุรกิจอย่างเดียว แต่นำศาสตร์และศิลป์อื่นๆ มาประยุกต์ได้"
นาม ยังบอกด้วยว่า เธอคิดมาตลอดว่าวันหนึ่งเมื่อเรียนจบกลับมา ก็ต้องมาสานธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอก็ตั้งใจจะทำอยู่แล้ว เพราะคลุกคลีกับธุรกิจนี้มาตั้งแต่เด็ก เวลาว่างจากปิดเทอมก็ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกงาน แต่แม้จะคิดว่ารู้จักธุรกิจนี้ดี แต่พอได้เข้ามาสัมผัสโครงสร้างการทำงานจริงๆ โลกแห่งการทำงานกลับกว้างใหญ่และมีอีกหลายเรื่องให้ต้องเรียนรู้
"ตอนนี้นามยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ต้องเรียนรู้อีกมาก นามโชคดีที่ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งมีชื่อเสียงมายาวนาน ไม่ต้องมาเริ่มสร้างธุรกิจจากศูนย์ ตอนนี้ยังได้รับโอกาสสำคัญให้มาดูแลโปรเจกต์ใหม่ ซึ่งนามเข้ามาตั้งแต่วันแรกที่โปรเจกต์นี้เริ่ม ตั้งแต่ร้านยังไม่เกิด มาช่วยดูคอนเซ็ปต์ร้าน เมนูอาหาร เครื่องดื่ม ที่ยังคงความอร่อยแบบเอสแอนด์พี แต่บรรยากาศร้านเปลี่ยนไป
เราเพิ่มในส่วนของเวิร์กช็อปขนมและเค้กเข้ามา เพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจด้านเบเกอรี่ มีตั้งแต่ระดับ พื้นฐานไปจนถึงแอดวานซ์สำหรับใครที่อยากเปิดร้าน เรามีเมนูสุขภาพเพื่อให้บริการ และบางวันยังมีเปิดสอนโยคะ ทั้งหมดนี้เพราะเราต้องการให้ที่นี่เป็นมากกว่าร้านอาหาร แต่เป็นสถานที่ที่ลูกค้าเข้ามาดื่มด่ำกับประสบการณ์ต่างๆ ได้มากกว่ามากินอาหาร มาถ่ายรูปก็ได้ มาเรียนทำขนมก็ดี"
หลังจากเปิดให้บริการสาขาแรกมาปีกว่าๆ นาม บอกว่า กระแสตอบรับค่อนข้างดี แต่หลังจากนี้ คือ บททดสอบครั้งสำคัญของเธอ เพราะคอนเซ็ปต์ร้านที่มุ่งเข้าถึงคนรุ่นใหม่นี้ ได้ขยายสาขา 2 ภายใต้ชื่อ เอสเอ็นพี คาเฟ (SNP Cafe) ตั้งอยู่ที่ตึกเอฟวายไอ ถนนพระราม 4 ซึ่งสาขานี้เธอได้รับมอบหมายให้เข้าไปดูแลเต็มตัวเลย
"ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 ที่เข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัวที่สร้างชื่อไว้ดีๆ มาก กดดันแน่นอนค่ะ" สาวสวยย้ำหนักแน่น "แต่นามก็สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะทำให้ดีที่สุด เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเราก็ทำได้ อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ อยากให้ท่านมีความสุข สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอนตลอดเวลา คือ คนเราทำธุรกิจต้องซื่อสัตย์ เพราะตราบที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ ต่อให้เจอกับมรสุมธุรกิจเราก็ยังอยู่ได้ บางครั้งอาจจะเติบโตช้า ค่อยเป็นค่อยไปทีละก้าว แต่ก็ไม่ล้ม"
บททดสอบในโลกการทำงานที่ผ่านมา อาจทำให้นามทั้งเหนื่อยและท้อ เธอยอมรับอย่างไม่ปิดบังว่า เสียน้ำตาไปไม่รู้เท่าไร แต่ใจก็ยังไม่เคยยอมแพ้ และบอกให้ตัวเองลุกขึ้นสู้
"ที่ผ่านมา มีทั้งท้อ ทั้งเหนื่อย ครบหมด ยิ่งนามเป็นคนเครียดง่าย เวลาเห็นยอดไม่ดี ก็ร้องไห้ (ยิ้ม) คุณพ่อก็จะให้กำลังใจว่า เรื่องแค่นี้เองร้องไห้แล้ว คุณพ่อให้ดูคนอื่นที่ทำงานหนักกว่าเราแล้วล้มเหลวก็มี ช่วงแรกที่เข้ามาทำงาน นามเครียดมากนะ เหมือนใจเราไม่สู้ ที่ผ่านมาเวลาเรียนหนังสือ ถึงเราไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง แต่เราไม่ใช่เด็กเกเร ความตั้งใจก็ทำให้ผ่านมาได้ แต่พอมาทำงาน พอหลายอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด บางครั้งใจมันก็ไม่สู้ เคยคิดว่าถ้างั้นก็เลิกทำ แต่สุดท้ายก็เลิกไม่ได้ บอกตัวเองให้อดทน เรียนรู้ความผิดพลาดปัญหาไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ดีขึ้น ยังเสียน้ำตาให้กับการทำงานบ้าง แต่เข้มแข็งกว่าเก่ามาก" นาม กล่าวพร้อมรอยยิ้มขณะที่แววตาฉายแววมุ่งมั่น
ในวัย 20 ปลายๆ นาม บอกว่า หลังจากนั่งทบทวนตัวเอง เธอค้นพบว่า เธอยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากทำ ที่ผ่านมาอาจปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไปบ้าง แต่จากนี้เธอจะจดบันทึกสิ่งที่อยากทำไว้ และค่อยๆ ทำไปทีละข้อ อาจจะใช้เวลา แต่อย่างน้อยเมื่อมองย้อนกลับมาเธอจะไม่เสียใจ ที่เธอไม่ลงมือทำในสิ่งที่อยากลอง
"ช่วงที่จะกลับมาทำงานที่บ้านใหม่ๆ นามก็สองจิตสองใจนะ ว่าจะลองทำธุรกิจที่เราสร้างขึ้นมาเอง แต่สุดท้ายก็ไม่ต้องเลือก เพราะนามกลับมาช่วยงานที่บ้าน และสร้างแบรนด์หมวกแก๊ปกับแอกเซสซอรี่กับเพื่อนไปด้วย ชื่อแบรนด์ ไทรอาดิก แอฟแฟร์ (Triadic Affair) ขายผ่านอินสตาแกรม ทำมาได้ 2 ปีแล้วค่ะ ที่เลือกทำหมวกแก๊ป เพราะเริ่มจากตัวนามที่ไม่ชอบใส่หมวก แต่ด้วยความที่ชอบเครื่องหนังแนวเอ็กโซติก เลยคิดเล่นๆ ว่า ถ้ามีแบรนด์ไหนทำหมวกแนวนี้ก็คงดี เลยลองทำขายดู ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดี ทั้งที่เราอาจจะให้เวลากับธุรกิจนี้ได้แค่วันเสาร์ อาทิตย์ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เริ่มมีห้างมาติดต่อ และแบรนด์ก็เลี้ยงตัวเองได้"
นาม บอกว่า การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าบริหารให้เป็น เธอก็สามารถทำทั้งสองความฝันที่อยากจะปั้นแบรนด์หมวกให้โกอินเตอร์ ขณะเดียวก็ทำให้ เอสเอ็นพี เฮดควอเตอร์ เป็นร้านอาหารที่ลูกค้านึกถึง สำเร็จไปพร้อมกัน
พอถามถึงเป้าหมายกับชีวิตของตัวเอง นามทำ ตาโตก่อนตอบว่า เป้าหมายของเธอ คือ ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข "อยากทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ได้สร้างอะไรที่น่าภาคภูมิใจให้กับตัวเอง เป้าหมายชีวิตของเราไม่จำเป็นต้องมีเพียง 1 เป้าหมายใหญ่ แต่เราอาจมีหลายๆ เป้าหมายเล็กๆ ที่เราค่อยๆ เดินไปข้างหน้าและทำให้สำเร็จ บางครั้งเป้าหมายเราอาจจะสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่แค่คิดอะไรไว้แล้วขอให้ลองทำ"
สาวสวยร่างเล็ก ยังบอกด้วยว่า ไม่ว่าจะทำธุรกิจร้านอาหารหรือแฟชั่น กลไกในการขับเคลื่อนธุรกิจยังเหมือนกัน สิ่งที่เธอคิดว่าสำคัญที่สุด คือ แพสชั่นในสิ่งที่ทำ หากทำธุรกิจโดยมีแพสชั่นเป็นแรงขับเคลื่อน ความเอาใจใส่ทุกอย่างจะสะท้อนผ่านไปในผลงาน ซึ่งผู้รับย่อมรู้สึกดี ทุกวันนี้หลังจากว่างเว้นจากการทำงาน นามจะเจียดเวลามาดูแลธุรกิจส่วนตัว และตระเวนไปชิมร้านอาหารต่างๆ เพื่อเปิดประสบการณ์ในโลกอาหารให้ ตัวเองมากขึ้น
"ทุกวันนี้นามไม่มีโต๊ะทำงานนะคะ พอมีโปรเจกต์ เอสเอ็นพี เฮดควอเตอร์ คุณพ่อก็แนะนำให้ลงมานั่งทำงานที่ร้าน เพื่อเรียนรู้งานจากประสบการณ์หน้าร้านจริงๆ มาคอยสังเกตลูกค้าที่ร้าน แรกๆ นามก็ยังไม่เข้าใจ ยังถามคุณพ่อว่าให้ลงมานั่งหน้าร้านตลอดเลยเหรอ (หัวเราะ)
นามว่าข้อดีของการลงมาอยู่หน้างาน คือ ได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้าจริงๆ เพื่อนำมาปรับปรุงบริการของเรา คุณพ่อบอกเสมอว่า ไม่มีอะไรที่ทำออกมาแล้วเพอร์เฟกต์ ทุกวันยังมีเรื่องให้เรียนรู้และแก้ไข นามเองในฐานะที่ได้รับโอกาสสำคัญนี้มา ก็จะสู้ให้ถึงที่สุดต่อไป" สาวสวยกล่าวทิ้งท้าย n


