posttoday

ออมหุ้นปันผล ลดความเสี่ยง รวยความสุข

19 กรกฎาคม 2560

คณิต นิมมาลัยรัตน์ (นายแว่นลงทุน)หลายคนอยากออมเงินแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร พอออมเงินไปได้สักระยะได้เงินมาก้อนหนึ่ง ไม่มีไอเดียในการทำมันให้งอกเงย ก็เอาเงินไปฝากกับธนาคาร แต่พอเห็นดอกเบี้ยเงินฝากก็พานให้เพลีย เอางี้ดีกว่า ลองเปลี่ยนแนวคิดชีวิตใหม่ หันมาออมในหุ้น แต่ไม่ใช่หุ้นทั่วไป แต่เป็น "หุ้นปันผล" ตามธีมของบทความชุดนี้ คือ ออมหุ้นปันผล ลดความเสี่ยง รวยความสุข ติดตามกันเลย

คณิต นิมมาลัยรัตน์ (นายแว่นลงทุน)

หลายคนอยากออมเงินแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร พอออมเงินไปได้สักระยะได้เงินมาก้อนหนึ่ง ไม่มีไอเดียในการทำมันให้งอกเงย ก็เอาเงินไปฝากกับธนาคาร แต่พอเห็นดอกเบี้ยเงินฝากก็พานให้เพลีย เอางี้ดีกว่า ลองเปลี่ยนแนวคิดชีวิตใหม่ หันมาออมในหุ้น แต่ไม่ใช่หุ้นทั่วไป แต่เป็น "หุ้นปันผล" ตามธีมของบทความชุดนี้ คือ ออมหุ้นปันผล ลดความเสี่ยง รวยความสุข ติดตามกันเลย

ทำไมต้องออมในหุ้น และทำไมต้องเป็นหุ้นปันผล

สาเหตุที่ต้องออมในหุ้น เนื่องจากหุ้นเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ การสะสมหุ้นก็เหมือนเราสะสมสินทรัพย์ที่สามารถสู้กับเงินเฟ้อได้ โดยเงินเฟ้อพื้นฐานตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยจะอยู่ราว 3% ถ้าเรานำเงินไปฝากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยต่ำๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ เพราะกิจการธนาคารเองก็ต้องทำธุรกิจที่มีกำไร และต้องชนะภาวะเงินเฟ้อเช่นกัน การนำเงินไปฝากธนาคารจึงได้ดอกผลต่ำกว่าการลดค่าของเงินเสมอ โดยสถิติของการลงทุนในหุ้นตลอดระยะเวลาหลายสิบปีตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น พบว่าการลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทน 5-10% ต่อปีโดยเฉลี่ย และแน่นอนว่ามันชนะเงินเฟ้อได้สบาย

ทำไมต้องเป็นหุ้นปันผล?

สาเหตุที่ต้องเป็นหุ้นปันผล เนื่องจากการลงทุนหุ้นด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องที่เสี่ยงอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่มั่นใจมากพอ การนำเงินไปซื้อกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยพอๆ กับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพราะเบื้องหลังของกองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนเก่งๆ และมีทีมงานที่คอยกลั่นกรองเลือกสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอย่างมืออาชีพ แต่ข้อเสียก็คือเราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับกองทุนรวมในราคาที่สูงพอสมควร

ถ้าเราเลือกลงทุนในหุ้นปันผลเอง น่าจะเป็นคำตอบสำหรับคนที่อยากเอาชนะเงินเฟ้อ แต่ต้องการลดความเสี่ยงจากการเก็งกำไรในหุ้นด้วยตัวเอง บริษัทที่จ่ายเงินปันผลงามๆ ในตลาดหุ้นมีมากมาย เราควรเลือกกิจการที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง และมีธุรกิจที่แข็งแรง มีแบรนด์ที่อยู่ในใจลูกค้า หรือมีปัจจัยแห่งการแข่งขันกับ คู่แข่งอย่างยั่งยืน จะทำให้เราอุ่นใจได้มากทีเดียว ความอุ่นใจดังกล่าวจะทำให้เรารู้สึกรวยความสุข นอกจากรวยจากความมั่งคั่ง และผลตอบแทนที่งอกเงยทุกปี

แบบจำลองการลงทุนหุ้นปันผล

ลองดูแบบจำลองอย่างง่าย ถ้าเราเลือกหุ้นลงทุนที่ให้เงินปันผล 5% ต่อปี แต่หุ้นตัวนี้เติบโตเพียง 3% ต่อปี จะพบว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลราว 5% ต่อปี นั้นถือว่าเอาชนะเงินเฟ้อแน่นอน และถ้าเราซื้อหุ้นตัวนี้ได้ในราคาที่เหมาะสม และกิจการเติบโตอย่างช้าๆ ที่ราว 3% ต่อปี ระยะเวลาการลงทุน 10 ปี ด้วยโจทย์แบบนี้ ลองมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ถ้าเราออมหุ้นปันผลเริ่มต้นเดือนละ 5,000 บาท หรือปีละ 6 หมื่นบาท เลือกซื้อหุ้นปันผลที่ให้อัตราเงินปันผล 5% ต่อปี และตัวกิจการเองก็เติบโตปีละ 3% (พอใจละ) โดยเราทบเงินเข้าไปทุกเดือน เดือนละ 5,000 บาท ตลอดระยะเวลา 10 ปี จะพบว่าในท้ายปีที่ 10 เราจะมีเงินสะสมเกือบ 1 ล้านบาท และมีเงินปันผลราว 4.3 หมื่นบาท/ปี ตกราว 3,600 บาท/เดือน

ดูกราฟการเติบโตของเงินในพอร์ตเราก็ไม่เลวทีเดียว ที่จริงถ้าเราเอาเงินปันผลแต่ละปีทบต้นเข้าไปอีกโอกาสที่ผลตอบแทนจะดีขึ้นก็จะมีมากกว่านี้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การออมในหุ้นปันผลนั้นเราคาดหวังการเติบโตแค่ 3% ถ้าเลือกหุ้นถูกตัวก็มีโอกาสเป็นไปได้ครับ และแบบจำลองนี้เป็นเพียงแนวทางไว้ไกด์ไลน์การลงทุนเท่านั้นครับ เพราะยังมีปัจจัยอีกมากมายที่นักออมหุ้นปันผลต้องพิจารณาประกอบการตัดสินใจ เมื่อเราออมไปเรื่อยๆ จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า "ผลตอบแทนทบต้น" และนั่นจะเป็นจุดที่ทำให้ผลตอบแทนของเราเติบโตได้รวดเร็ว

เปรียบเหมือน "ลูกหิมะ" หรือ Snow Ball ที่ยิ่งกลิ้งไกลลูกหิมะจะใหญ่ขึ้น เรื่อยๆ เมื่อถึงจุดนั้นเราจะเห็นการเติบโตของพอร์ตแบบ "ก้าวกระโดด" แล้วคุณอาจต้องแปลกใจว่า...แท้จริงแล้วการลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้ท่ายาก เพียงลงทุนด้วยวิธีง่ายๆ แบบออมในหุ้นปันผล ก็สามารถเอาชนะตลาดได้เช่นกัน พร้อมรับเงินปันผลได้อย่างสุขใจ

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2