สรรพากรลุยยึดทรัพย์สินคดีหุ้นทักษิณ
สรรพากรลุยตรวจอายัดทรัพย์ "ทักษิณ" ล้างหนี้ภาษี 1.76 หมื่นล้าน ไม่เปิดเผยตัวเลขผลสำรวจทรัพย์สิน
สรรพากรลุยตรวจอายัดทรัพย์ "ทักษิณ" ล้างหนี้ภาษี 1.76 หมื่นล้าน ไม่เปิดเผยตัวเลขผลสำรวจทรัพย์สิน
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ดำเนินการตามกฎหมาย ตรวจสอบและอายัดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากไม่ชำระภาษีจากการซื้อขายหุ้นเมื่อปี 2549 รวมภาษีและค่าปรับ 1.76 หมื่นล้านบาท โดยการตรวจและอายัดทรัพย์มีระยะเวลาในการติดตาม 10 ปี
"กรมสรรพากรได้ตรวจสอบทรัพย์สิน บัญชีเงินฝาก ที่ดิน หุ้น และทรัพย์สินต่างๆ โดยหากพบว่ามีการครอบครองก็จะดำเนินการยึดทรัพย์มาชำระภาษีและค่าปรับ ส่วนอายัดได้มาเป็นมูลค่าเท่าไรไม่สามารถเปิดเผยได้" นายประสงค์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า ผลการประเมินภาษีและทรัพย์ที่จะอายัดจากนายทักษิณของกรมสรรพากร ในคดีไม่ชำระภาษีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น เมื่อปี 2549 จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท ระบุว่า นายทักษิณมีเงินฝากและที่ดินมูลค่าหลักล้านบาทเท่านั้น และคาดว่าเป็นทรัพย์สินที่อดีตนายกรัฐมนตรีหลงลืมไว้ในชื่อของตัวเอง
สำหรับกรณีการยื่นอุทธรณ์ภาษีของอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ตามกระบวนการมีเวลา 2 ปี โดยขณะนี้กรมสรรพากรได้ตั้งคณะกรรมการอุทธรณ์มาพิจารณาข้อมูลหลักฐานว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่ โดยคณะกรรมการอุทธรณ์ ประกอบด้วย ผู้แทนจากกรมสรรพากร 1 คน อัยการ 1 คน และตัวแทนจากกรมการปกครองอีก 1 คน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ผู้บริหารกรมสรรพากรไม่ดำเนินการเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นจากนายทักษิณ ได้ประชุมและสรุปผลการสอบสวนให้กับปลัดกระทรวงการคลังแล้ว
ทั้งนี้ ผลสอบแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก กรณีกรมสรรพากรไม่ยื่นอุทธรณ์ศาลภาษีอากรให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร เสียภาษีการซื้อขายหุ้น ผลสอบระบุว่า ผู้บริหารสรรพากรภาค 3 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะมีระเบียบกำหนดให้ต้องยื่นอุทธรณ์ในทุกกรณี อีกทั้งผู้บริหารกรมสรรพากรในขณะนั้นมีส่วนต่อการไม่ยื่นอุทธรณ์ด้วย ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ปลัดคลังจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาคณะกรรมการได้เรียกผู้บริหารของกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูล รวมถึงอดีตอธิบดีกรมสรรพากร 2 คนคือ นายสาธิต รังคสิริ และนาย สุทธิชัย สังขมณี ชี้แจงต่อคณะกรรมการด้วย โดยผลการสอบพบว่ามีผู้บริหารกรมสรรพากร 1-2 คน อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่การเก็บภาษีหุ้นจากอดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่การไม่ยื่นอุทธรณ์ศาลภาษีเพื่อต่อสู้เก็บภาษีหุ้นจากลูกอดีตนายกรัฐมนตรี


