ถึงเวลาประกันเพิ่มทุนเสริมแกร่ง
ธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยมีระดับเงินกองทุนขั้นต่ำที่ต้องดำรงตามกฎหมายอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน
โดย...วารุณี อินวันนา
ธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยมีระดับเงินกองทุนขั้นต่ำที่ต้องดำรงตามกฎหมายอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน โดยบริษัทประกันวินาศภัยกำหนดไว้ที่ 30 ล้านบาท และประกันชีวิต 50 ล้านบาท
รวมถึงทุนจดทะเบียนขั้นต่ำของธุรกิจประกันภัยอยู่ในระดับต่ำที่สุดในภูมิภาคอาเซียนเช่นกัน โดยแยกเป็น 2 กลุ่ม โดยบริษัทประกันชีวิตที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในปี 2540 ถูกกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 500 ล้านบาท ส่วนบริษัทเก่าใช้ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำที่ 50 ล้านบาท และบริษัทประกันวินาศภัยที่จัดตั้งปี 2540 กำหนดทุนขั้นต่ำไว้ที่ 300 ล้านบาท ส่วนบริษัทเก่าอยู่ที่ 30 ล้านบาท
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจประกันภัย มีการกำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำที่สูงกว่าไทย โดยกัมพูชากำหนดไว้เลยว่าต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 245 ล้านบาท เมียนมา ถ้าทำธุรกิจประกันวินาศภัยต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 50 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,750 ล้านบาท ส่วนประกันชีวิต ต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 7.2 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 252 ล้านบาท ลาว และเวียดนาม ก็มีการกำหนดเงินทุนจดทะเบียนขั้นต่ำที่ชัดเจน
แหล่งข่าวจากบริษัทประกันภัย เปิดเผยว่า ถึงเวลาที่ภาครัฐจะต้องกำหนดเงินกองทุนขั้นต่ำที่เป็นวงเงินชัดเจน ตามทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อให้ประกันภัยในประเทศสามารถเติบโตได้อย่าง
เข้มแข็งในยุคการเปิดเสรีธุรกิจประกันภัย ก่อนสูญเสียธุรกิจส่วนใหญ่ให้กับต่างชาติ เพราะระดับเงินกองทุน และทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ อยู่ในระดับต่ำที่สุดในอาเซียน ทำให้ความมั่นคงเข้มแข็งทางการเงินและขีดความสามารถในการรับประกันภัยต่ำ รวมถึงการรองรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ต่ำ โดยเฉพาะธุรกิจประกันวินาศภัย จึงมีการทำประกันภัยต่อไปยังต่างประเทศค่อนข้างสูง
ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พยายามที่จะออกกฎบังคับให้ต้องเพิ่มระดับเงินกองทุนขั้นต่ำ โดยจะบรรจุไว้ในแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 3 ปี 2558-2562 แต่ก็ล้มเลิกไป เพราะมีแรงค้านอย่างหนักจากภาคเอกชน
คปภ.จึงได้ทำการแก้ไขแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 3 ใหม่ โดยเริ่มใช้ในปี 2559-2563 ซึ่งไม่ได้กำหนดวงเงินขั้นต่ำของเงินกองทุนและทุนจดทะเบียนขั้นต่ำไว้ แต่จะใช้เกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC) โดยให้ดำรงเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายที่ 140% ของเงินกองทุนขั้นต่ำ ให้บริษัททำการประเมินความเสี่ยงภายใน และจะทำการแยกเงินกองทุนในส่วนผู้เอาประกันภัย และเงินกองทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นออกมา
รวมทั้งการบังคับให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในบริษัทที่ไม่มีปัญหาฐานะการเงิน ต้องใส่เงินเข้ามาเพื่อให้บริษัทมีเงินกองทุนขั้นต่ำที่นำมาใช้ได้ทั้งหมด 4,000 ล้านบาทในบริษัทประกันชีวิต และ 1,000 ล้านบาทในบริษัทประกันวินาศภัย
ทั้งนี้ ไตรมาสแรกของปี 2560 มีบริษัทประกันวินาศภัย 5 บริษัทที่ไม่เปิดเผยตัวเลขเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย และมี 2 บริษัทที่ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับ 142-148% ขณะที่ทั้งธุรกิจ 61 บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาสแรกรวม 2,273 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 4,867 ล้านบาท จึงน่าจับตามองเป็นพิเศษในช่วงปีนี้ เพราะเป็นปีที่เริ่มทยอยลดเบี้ยประกันรถ อัคคีภัย ทรัพย์สิน จะทำให้หลายบริษัทต้องเพิ่มทุนหากต้องการทำธุรกิจต่อไป


