posttoday

สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ในวันที่ไม่มีรายย่อย

28 มิถุนายน 2560

ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงษ์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ได้สร้างความฮือฮาไม่น้อยเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ประกาศขายพอร์ตรายย่อยออกไปให้กับธนาคารทิสโก้ และช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน พลากร หวั่งหลี ได้รับแต่งตั้งให้เป็น กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย และสำนักงานตัวแทน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นับเป็นซีอีโอคนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์

ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงษ์

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ได้สร้างความฮือฮาไม่น้อยเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ประกาศขายพอร์ตรายย่อยออกไปให้กับธนาคารทิสโก้ และช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน พลากร หวั่งหลี ได้รับแต่งตั้งให้เป็น กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย และสำนักงานตัวแทน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นับเป็นซีอีโอคนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์

พลากร เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ในระยะ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2564 เลือกโฟกัสลูกค้า 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่และขนาดกลาง ลูกค้าสถาบันการเงิน และลูกค้าบริษัทข้ามชาติ โดยเป็นกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารสามารถสร้างประโยชน์และเพิ่มมูลค่า (Value) ให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับลูกค้าภาครัฐด้วย

เมื่อปรับทิศทางชัดเจนแล้ว จึงเป็นที่มาของดีลการโอนย้ายพอร์ตรายย่อยให้ธนาคารทิสโก้เมื่อปลายปีที่แล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการโอนย้ายสินทรัพย์ คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จในปีนี้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งการเลือกโฟกัสธุรกิจที่เป็นจุดแข็ง ทำให้ปี 2559 ธนาคารกลับมามีกำไรสุทธิ 380 ล้านบาท จากที่ขาดทุนเมื่อปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ แนวทางการทำธุรกิจได้ยึด จุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน (Product) เป็นเครื่องมือในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้า แบ่งผลิตภัณฑ์การเงินเป็น 4 กลุ่มหลัก อย่างแรก การบริการธุรกรรมการเงิน (Transactional Banking) ทั้งการบริหารเงินสด เทรดไฟแนนซ์ และเงินทุนหมุนเวียน กลุ่มที่สอง บริการดูแลรักษาหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศ (Custodian) ซึ่งธนาคารมีสัดส่วนมากอันดับ 1 ใน 3 ของหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศ

ส่วนกลุ่มต่อมา คือ ธุรกิจตลาดเงินและตลาดทุน (Financial Market)อาทิ การบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่ลูกค้าสถาบัน พร้อมรักษาความเป็นผู้นำการซื้อขายพันธบัตรทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง สุดท้ายคือ บริการทางการเงินแก่ลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ (Corporate Finance) ประกอบด้วย การให้สินเชื่อภาคธุรกิจ การซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งปล่อยสินเชื่อในโครงการลงทุนภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายจะไม่เน้นเติบโตสินทรัพย์แต่เน้นเติบโตรายได้แทน ตั้งเป้าเติบโตในอัตราใกล้ 10% แต่ละปีคาดหวังให้รายได้เติบโต ไม่น้อยกว่า 2 เท่าของจีดีพี โดยหากปีนี้ 2560 จีดีพีเติบโต 3.5% รายได้ก็น่าจะเติบโตราว 7-8%

"ธุรกิจรายย่อยมีต้นทุนสูง ต้องทุ่มทรัพยากรเยอะมากในการแข่งขัน เราไม่สามารถเป็นทุกอย่างให้ทุกคนได้ เราจึงต้องเน้นจุดที่เรามีความสามารถในการแข่งขัน" พลากร กล่าว

พลากร กล่าวต่อว่า การมุ่งเน้นลูกค้าองค์กรธุรกิจ ดูเหมือนจะไม่ใช่จังหวะของการลงทุนในประเทศที่ยังชะลอตัว แต่โอกาสมีให้เห็นจากธุรกิจไทยออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยมียอดคงค้างการลงทุนไทยใน ต่างประเทศ 7.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง 1 ใน 3 เป็นการลงทุนในอาเซียน ธนาคารสามารถใช้จุดแข็งเครือข่ายครอบคลุม 10 ประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ใช้สู้ในตลาดลูกค้ารายใหญ่ที่มีการแข่งขันสูงไม่แพ้รายย่อย

กระแสข่าวลือที่คิดว่า สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จะเลิกธุรกิจในไทยไม่เป็นความจริง และยืนยันด้วยแผนการลงทุนพัฒนาระบบปฏิบัติการ ในช่วง 5 ปี มีวงเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับระบบการให้บริการโดยใช้เทคโนโลยีใหม่มา สนับสนุนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก เพราะหลังจากที่โอนย้ายพอร์ตรายย่อยไปธนาคารก็จะยุบสาขาทั้งหมด เหลือเพียงสำนักงานใหญ่และจะมุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าผ่านออนไลน์

ขณะเดียวกัน ในมุมมองของธนาคารแม่ ไทยเป็นประเทศที่สำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ เพราะอยู่ในภูมิภาคที่การค้าการลงทุนเติบโตสูง มีภูมิศาสตร์เชื่อมโยงกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง อีกทั้งมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน ทำให้มีศักยภาพรองรับการลงทุน

เป็นการตอกย้ำว่า สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ยังคงให้ความสำคัญกับประเทศไทย

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้