โลว์ซีซั่นโรงกลั่น-ถ่านหินแนวโน้มดี

โดย...เจียรนัย อุตะมะ

แนวโน้มผลการดำเนินงานกลุ่มโรงกลั่นและถ่านหินในไตรมาส 2 ปีนี้ผสมผสานโดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส คาดว่าธุรกิจโรงกลั่นจะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ปิดซ่อมบำรุง ขณะที่ธุรกิจถ่านหินจะดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรก

ไตรมาสแรกที่ผ่านมา กลุ่มโรงกลั่นและถ่านหินทำกำไรได้ดี โดย บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กำไรเพิ่มขึ้น 4,372% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 84% จากไตรมาส 4 ปี 2559 ตามด้วย บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) กำไรโต 40% จากไตรมาส 4 ปี 2559 และบริษัท ไทยออยล์ (TOP) กำไรดีกว่าคาด เพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 22% จากไตรมาส 4 ปี 2559 ขณะที่ธุรกิจถ่านหิน บริษัท บ้านปู (BANPU) พลิกกลับมาเป็นกำไรจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปก) เพิ่มขึ้นครั้งแรกในปีนี้ ราคาน้ำมันดิบโลกลดลงต่อเนื่องหลังจากแตะระดับสูงสุด 52.96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2560 หรือลดลงราว 7.2% ล่าสุดอยู่ที่ 48.36 เหรียญสหรัฐ

แม้สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐ (อีไอเอ) รายงานสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 24 พ.ค. 2560 ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 กว่า 6.428 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดที่คาดว่าจะลดลงเพียง 2.517 ล้านบาร์เรล

ประเด็นที่กดดันราคาน้ำมันดิบโลกอยู่คือ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นครั้งแรกในปี 2560 โดยเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2.5 แสนบาร์เรล/วัน ขึ้นไปแตะระดับ 32.22 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นผลมาจากสมาชิกที่ได้รับยกเว้นการควบคุมระดับการผลิตน้ำมันดิบอย่างลิเบียและไนจีเรียผลิตได้เพิ่มขึ้น โดยในเดือน พ.ค. 2560 ลิเบียได้ผลิตเพิ่มขึ้น 1.8 แสนบาร์เรล/วัน ขึ้นไปแตะระดับ 7.3 แสนบาร์เรล/วัน และไนจีเรียได้ผลิตเพิ่มขึ้น1.3 แสนบาร์เรล/วัน ขึ้นไปแตะระดับ 1.63 ล้านบาร์เรล/วัน

ลิเบียเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปสู่ระดับ 8.27 แสนบาร์เรล/วัน สูงที่สุดในรอบ 3 ปี หลังจากกลับมาดำเนินการผลิตของแหล่งผลิตน้ำมันดิบ

ทิศทางน้ำมันในระยะยาวยังอยู่ในช่วงทยอยเป็นขาขึ้น ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 2 แสนบาร์เรล/วัน จากเดือน มี.ค. มาอยู่ที่ 31.9 ล้านบาร์เรล/วัน สอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มโอเปก

แม้ตัวเลขขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอีก 2 หลุม มาอยู่ที่ 722 หลุม เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 19 แต่เป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้ความระมัดระวัง เพราะหากราคาน้ำมันดิบตกต่ำอีกครั้งอาจส่งผลให้ผู้ประกอบ การเชลออยล์ในสหรัฐ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตสูงประสบปัญหาด้านการเงินเช่นที่เกิดในช่วงต้นปี 2559

เอเซีย พลัส คงมุมมองบวกต่อราคาน้ำมันในระยะยาว หลังกลุ่มโอเปกขยายเวลาลดกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการซื้อและการผลิตเข้าสู่ภาวะสมดุลได้ในครึ่งปีหลัง

กลุ่มโรงกลั่นหลังจากผ่านช่วงฤดูกาลกลั่น ค่าการกลั่นลงมาอยู่ในกรอบ 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงเลือกแนะนำเฉพาะหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปี ได้แก่ IRPC

ด้านราคาถ่านหินในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะยืน 70-80 เหรียญสหรัฐ/ตัน แม้ลดลงเกือบ 10 เหรียญสหรัฐจากช่วงต้นปี แต่คาดว่าจะเป็นการลดลงช่วงสั้น ราคาถ่านหินถูกกดดันจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากเหมืองในอินโดนีเซีย เพราะเห็นว่าราคาขายถ่านหินอยู่ในระดับสูง ประกอบกับจีนลดการนำเข้าเพราะพ้นช่วงฤดูกาลการใช้ถ่านหินไปแล้ว ทำให้การผลิตในประเทศเพียงพอกับความต้องการใช้เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังถูกกดดันจากการเข้าสู่เทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิม (รอมฎอน) ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกรรมถ่านหินเงียบไปกว่า 1 เดือน ทำให้ราคาทรงตัวในระดับปัจจุบัน แต่กำลังการผลิตถ่านหินในอินโดนีเซียช่วงรอมฎอนจะเริ่มลดลง ดังนั้นคาดว่าหลังผ่านพ้นรอมฎอน เดือน ก.ค.-ส.ค. ผู้ประกอบการอินเดียและอินโดนีเซียจะกลับมาเก็บสต๊อกอีกครั้ง โดยเฉพาะสต๊อกถ่านหินของผู้ประกอบการในอินเดียที่มีสต๊อกต่ำสุดในรอบ 5 ปี 20 ล้านตัน รวมถึงสต๊อกถ่านหินในจีนยังตํ่า

รัฐบาลจีนจะควบคุมราคาถ่านหินไม่ให้ตกต่ำจนกระทบผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินเช่นที่เคยเกิดขึ้น ในปี 2559 ที่ผ่านมา จึงทำให้คาดแนวโน้มทิศทางราคาถ่านหินน่าจะดีขึ้นได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้