Maxi EQ หุ้นกู้อนุพันธ์ ดอกเบี้ยที่ผูกกับราคาหุ้น
จะดีไหมถ้ามีโอกาสได้ผลตอบแทน 5-12% ต่อปี ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำขนาดนี้ และที่สำคัญ คือ ไม่ต้องไปเสี่ยงแบบเดียวกับการลงทุนหุ้นสิ่งนั้นคือ หุ้นกู้อนุพันธ์ หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงถ้าจะอธิบายง่ายๆ หุ้นกู้อนุพันธ์ คือ ลูกผสมระหว่างหุ้นกู้กับบางสิ่งบางอย่างที่เป็นราคาอ้างอิง ซึ่งอาจจะเป็นอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ระดับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาหุ้น โดยที่หุ้นกู้อนุพันธ์จะให้ผลตอบแทน หรือดอกเบี้ยอ้างอิงกับราคาอ้างอิง (ตามเงื่อนไขที่ผู้ออกหุ้นกู้อนุพันธ์กำหนดไว้)เพราะฉะนั้น ความเสี่ยงของหุ้นกู้อนุพันธ์จะอยู่กึ่งกลางระหว่างหุ้นกู้ กับหุ้น เช่นเดียวกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้จากหุ้นกู้อนุพันธ์ ก็จะอยู่ระหว่างหุ้นกู้ กับหุ้นจึงไม่แปลกใจว่า ทำไมบริษัทหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์จึงออกหุ้นกู้อนุพันธ์มาขายให้นักลงทุน เพราะมันตอบโจทย์สำหรับ “ลูกค้าที่มองหาผลตอบแทนสูงขึ้น ยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากขึ้น เพื่อให้โอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น”เหมือนที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ออก “Maxi EQ” หุ้นกู้อนุพันธ์ที่ให้ดอกเบี้ยเป็นรายเดือน ในอัตรา 5-12% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับหุ้นอ้างอิงและรา
จะดีไหมถ้ามีโอกาสได้ผลตอบแทน 5-12% ต่อปี ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำขนาดนี้ และที่สำคัญ คือ ไม่ต้องไปเสี่ยงแบบเดียวกับการลงทุนหุ้น
สิ่งนั้นคือ หุ้นกู้อนุพันธ์ หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง
ถ้าจะอธิบายง่ายๆ หุ้นกู้อนุพันธ์ คือ ลูกผสมระหว่างหุ้นกู้กับบางสิ่งบางอย่างที่เป็นราคาอ้างอิง ซึ่งอาจจะเป็นอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ระดับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาหุ้น โดยที่หุ้นกู้อนุพันธ์จะให้ผลตอบแทน หรือดอกเบี้ยอ้างอิงกับราคาอ้างอิง (ตามเงื่อนไขที่ผู้ออกหุ้นกู้อนุพันธ์กำหนดไว้)
เพราะฉะนั้น ความเสี่ยงของหุ้นกู้อนุพันธ์จะอยู่กึ่งกลางระหว่างหุ้นกู้ กับหุ้น เช่นเดียวกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้จากหุ้นกู้อนุพันธ์ ก็จะอยู่ระหว่างหุ้นกู้ กับหุ้น
จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมบริษัทหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์จึงออกหุ้นกู้อนุพันธ์มาขายให้นักลงทุน เพราะมันตอบโจทย์สำหรับ “ลูกค้าที่มองหาผลตอบแทนสูงขึ้น ยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากขึ้น เพื่อให้โอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น”
เหมือนที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ออก “Maxi EQ” หุ้นกู้อนุพันธ์ที่ให้ดอกเบี้ยเป็นรายเดือน ในอัตรา 5-12% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับหุ้นอ้างอิงและราคาเป้าหมาย) โดยอ้างอิงกับราคาหุ้นใน SET50 ซึ่งขณะนี้มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่
1.Protected Bull Equity Linked Note
เป็นหุ้นกู้อนุพันธ์ระยะสั้น อายุ 1 เดือน โดยลูกค้าสามารถเลือกหุ้นอ้างอิงและราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ซึ่งหากครบอายุ 1 เดือน แล้วราคาหุ้นสูงกว่าราคาใช้สิทธิก็จะได้เงินต้นคืนบวกผลตอบแทนตามที่กำหนด
หากราคาหุ้นต่ำกว่าราคาใช้สิทธิที่กำหนดไว้ แทนที่จะได้เป็นเงินต้นคืน ธนาคารจะได้รับคืนเป็นหุ้น ในราคาใช้สิทธิ หรือราคาเป้าหมาย (แปลว่า ขาดทุน เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลตอบแทนแล้ว ยังเท่ากับซื้อหุ้นราคาสูงกว่าราคาตลาด)
แต่ไม่ต้องกังวลว่า ถ้าราคาหุ้นตกลงไปมากๆ จะต้องขาดทุนมาก เพราะธนาคารจะคุ้มครองเงินต้น 80% โดยที่ธนาคารจะมีส่วนต่างให้ หากราคาหุ้นตกลงไปมากกว่า 20% จากราคาใช้สิทธิ
2.Autocallable Equity Linked Note (Knock-in Knock-out ELN)
หุ้นกู้อนุพันธ์อายุ 9 เดือน จ่ายดอกเบี้ยเป็นรายเดือน มีโอกาสรับคืนเงินต้นก่อนครบกำหนดกรณีที่ราคาหุ้นขึ้นไปสูงกว่าที่กำหนดไว้ หรืออาจได้รับคืนเป็นหุ้นที่ราคา ณ วันสั่งซื้อหุ้นกู้อนุพันธ์
การลงทุนจะเริ่มจากเลือก “หุ้นอ้างอิง” ว่า เราอยากให้ผลตอบแทน หรือดอกเบี้ย ที่จะได้รับไปอ้างอิงกับหุ้นตัวไหน (ในปัจจุบันมีให้เลือก 4 ตัว คือ SPRC, KCE, CK และ IVL) โดยที่ราคา ณ วันที่ซื้อจะเป็นราคาใช้สิทธิ
จากนั้นจะกำหนดกรอบราคาหุ้นตัวนั้นเอาไว้ โดยที่กรอบราคาด้านบนจะเป็น Knock-out Price และกรอบราคาด้านล่างจะเป็น Knock-in Price
ในกรณีที่ราคาหุ้นขึ้นไปไม่ถึง Knock-out Price และลงมาไม่ถึง Knock-in Price ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยให้เราทุกเดือน ไปจนครบ 9 เดือนจะได้เงินต้นบวกดอกเบี้ยคืน
แต่ถ้าราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นทะลุ Knock-out Price จะถือว่าครบสัญญาก่อนกำหนด 9 เดือน ธนาคารจะคืนเงินต้นและดอกเบี้ยงวดสุดท้ายให้
ในทางกลับกัน ถ้าเกิดราคาหุ้นตกลงไปถึง Knock-in Price ก็จะยังได้รับดอกเบี้ยทุกเดือนเหมือนเดิม แต่จะต้องมาลุ้นในวันที่ครบสัญญาว่า ราคาหุ้นจะอยู่ตรงไหน เพราะราคาหุ้นวันครบสัญญาจะมีผลต่อเนื่องไปถึง “เงินต้น” ที่จะได้รับคืน
หากราคาปิดมากกว่าหรือเท่ากับราคาใช้สิทธิก็สบายใจได้ เพราะจะได้รับเงินต้นบวกดอกเบี้ย เช่นเดียวกับการถือหุ้นกู้ทั่วไป
แต่หากราคาหุ้น ณ วันครบสัญญาต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ จะยังได้ดอกเบี้ยเหมือนเดิม แต่ส่วนที่เป็นเงินต้นจะได้รับเป็น “หุ้น” ที่เราเลือกเอาไว้ เหมือนกับเราไปซื้อหุ้นในราคาเดียวกับวันที่ใช้สิทธิ (แปลว่า ซื้อหุ้นแพงกว่าราคาตลาด)
เพราะฉะนั้น แม้ว่าหุ้นกู้อนุพันธ์จะเหมาะสำหรับการลงทุนในช่วงที่หุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ ไม่ขึ้นมาก ไม่ลงแรง หากโอกาสทำกำไรจากราคาหุ้นได้ยาก แต่ก็มีความเสี่ยงในกรณีที่ต้องรับเงินต้นคืนเป็นหุ้น เพราะฉะนั้นการเลือกหุ้นอ้างอิงจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรจะเลือกหุ้นที่ “สบายใจ” จะถือไว้
และอีกเรื่องที่ต้องบอกกันไว้ คือ หุ้นกู้อนุพันธ์เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เสนอขายให้กับนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น โดย Maxi EQ กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 5 ล้านบาท และทวีคูณครั้งละ 1 ล้านบาท
นักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะต้องมี...
1.สินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ สินทรัพย์ดังกล่าวไม่นับรวมมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งใช้เป็นที่พักอาศัยประจำของบุคคลนั้น
2.มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป
3.เงินลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือในกรณีที่นับรวมเงินฝากแล้วเงินลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าวตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป
เพราะถึงจะมีความเสี่ยงไม่มากเท่ากับหุ้น แต่ก็มีโอกาสที่จะขาดทุน และมีความซับซ้อนพอสมควร ดังนั้นนักลงทุนจะต้องเข้าใจกฎกติกาและเงื่อนไขต่างๆ ให้ดีก่อนจะลงทุน


