posttoday

สุธรรมชิงทิ้งเก้าอี้ ผอ.อคส.

01 พฤษภาคม 2560

บอร์ดอนุมัติมีผล22พ.ค.นี้ วงในระบุสาเหตุลาออกทนแรงกดดันงานไม่ไหว

บอร์ดอนุมัติมีผล22พ.ค.นี้ วงในระบุสาเหตุลาออกทนแรงกดดันงานไม่ไหว

โพสต์ทูเดย์ - ผู้อำนวยการ อคส.ลาออกอ้างปัญหาสุขภาพ ด้านบอร์ดไฟเขียวมีผลวันที่ 22 พ.ค.นี้ วงในชี้แรงกดดันทำงานสูง

พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด อคส.สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พิจารณาการลาออกจากตำแหน่งของ ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าที่ได้ยื่นหนังสือลาออกให้บอร์ดพิจารณาแล้ว โดยบอร์ดได้พิจารณาอนุมัติการลาออกและให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป ซึ่งสาเหตุของการลาออกตามที่ ร.ต.อ.สุธรรม แจ้งไว้ คือ ปัญหาด้านสุขภาพ

“บอร์ดพิจารณาอนุมัติตามหนังสือลาออกและไม่คัดค้าน เพราะตามมารยาทแล้วไม่ควรคัดค้าน ซึ่งบอร์ด อคส.มีมติให้ประกาศการรับสมัครผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ โดยจะแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา เพื่อเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ โดยเร็วที่สุด คาดว่ากระบวนการสรรหาน่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2-3 เดือนนี้” พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุของการลาออกน่าจะมาจาก ร.ต.อ.สุธรรม ไม่ต้องการขึ้นศาลเหมือนผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ อคส.คนอื่นๆ เพราะคาดว่าจากนี้ไป อคส.จะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่ทำสัญญากับ อคส. เช่น บริษัทตรวจสอบคุณภาพ (เซอร์เวเยอร์) โรงสี เจ้าของคลังที่รับเช่าฝากเก็บสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาล ฯลฯ เพราะทำผิดสัญญาและมีสินค้าเกษตรที่รัฐฝากเก็บหายไปจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ตัวของผู้อำนวยการ อคส.ต้องขึ้นศาลอย่างต่อเนื่องหลายปี แม้จะหมดวาระจากตำแหน่งแล้ว หากคดียังไม่สิ้นสุดก็ต้องไปขึ้นศาลจนกว่าคดีจะจบ ซึ่งอาจสร้างความยุ่งยากในภายหลัง

นอกจากนี้ ยังไม่สามารถทนแรงกดดันในการทำงานได้ เพราะ อคส.เป็นองค์กรที่มีปัญหามากมาย โดยเฉพาะความโปร่งใสในการทำงาน จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีมากมาย ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพิ่งชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ อคส.กว่า 100 คน เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลก่อน โดยตัวผู้อำนวยการต้องแก้ปัญหาเก่าที่สะสมมานานเหล่านี้ จนทำให้ไม่สามารถเดินหน้างานใหม่ๆ ได้ โดยเฉพาะการหารายได้ให้กับองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งที่บอร์ดคาดหวังจากผู้อำนวยการมาก อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากการคุมเข้มการขนย้ายข้าวเสื่อมออกจากคลังกลางไปสู่โรงงานของผู้ชนะการประมูล ที่จะต้องไม่ให้รั่วไหลเข้าสู่ระบบการค้าข้าวปกติ

พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด อคส.ยังได้มีการพิจารณาถึงแผนการสร้างรายได้องค์กร โดยได้อนุมัติการว่าจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์งบประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อทำการศึกษาถึงแผนการปรับปรุงคลังสินค้า 1 ธนบุรี เนื้อที่ประมาณ 7,884 ตารางเมตร มูลค่าที่ดิน 1,206 ล้านบาท (1.53 แสนบาท/ตารางวา) ซึ่งเป็นพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยามานำเสนอต่อบอร์ดในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ว่าจะมีการปรับปรุงคลังในส่วนใดบ้าง เบื้องต้นตามวัตถุประสงค์หลักของการปรับปรุงครั้งนี้ต้องการพัฒนาคลังสินค้า 1 ธนบุรี เป็นตลาดกลางสินค้าและเป็นศูนย์การค้า (ช็อปปิ้งมอลล์) เป็นแผนรองลงมา โดยจะเป็นการร่วมลงทุนกับภาคเอกชนตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 หรือ (พีพีพี) ในการสร้างรายได้ให้กับ อคส.

ขณะที่คลังราษฎร์บูรณะเนื้อที่ 1.25 หมื่นตารางเมตร ความจุสินค้า 3.75 หมื่นตัน พื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บอร์ด อคส.อนุมัติให้นำคลังมาพัฒนาปรับปรุงเป็นคลันสินค้าอัจฉริยะ เพื่อเก็บสินค้าที่มีนวัตกรรมและสร้างมูลค่าจากเดิมที่เก็บสินค้าประเภทยาเท่านั้น ซึ่งจะมีการว่าจ้างหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาศึกษาการปรับปรุงคลังราษฎร์บูรณะตามแนวทางเดียวกับการปรับปรุงคลังสินค้าธนบุรีเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาตนและเจ้าหน้าที่ อคส.จะลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบสถานประกอบการของผู้ชนะการประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาล เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่เพื่อการบริโภคของคน ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้อนุมัติขายไป 1.62 ล้านตัน โดย อคส.จะตรวจสอบโรงงานว่ามีคลังรองรับการเก็บข้าวที่ซื้อไว้ใกล้เคียงกับปริมาณที่เสนอซื้อหรือไม่ หากน้อยกว่ามากก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจนำข้าวไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น ไม่เป็นไปตามที่แจ้ง อาจจะพิจารณาไม่ทำสัญญากับผู้ชนะข้าวดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำข้าวเข้าอุตสาหกรรมไปใช้เพื่อการอื่น

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา