posttoday

แม็คยีนส์ ท็อป 3 ในใจ ตปท.

13 มีนาคม 2560

บริษัท แม็คกรุ๊ป (MC) แบรนด์ยีนส์ ดัง มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ของประเทศไทย

โดย...ยินดี ฤตวิรุฬห์

บริษัท แม็คกรุ๊ป (MC) แบรนด์ยีนส์ ดัง มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ของประเทศไทย ที่ทุกวันนี้ไม่ใช่เป็นที่รู้จักเฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่ในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มลุ่มน้ำโขง (CLMV) แม็คยีนส์เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ส่วนอนาคตแม็คยีนส์มีเป้าหมายอย่างไรในการออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศ โพสต์ทูเดย์มีโอกาสสัมภาษณ์ สุณี เสรีภาณุ ผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการผู้จัดการบริษัท แม็คกรุ๊ป

สุณี บอกว่า แม็คกรุ๊ปมีเป้าหมายชัดเจน อนาคตจะเป็นองค์กรชั้นนำของเอเชียในด้านเครื่องแต่งกายและไลฟ์สไตล์ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้รุก และเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายช่องทางการทำธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง (CLMV) ซึ่งแม็คยีนส์ได้ออกไปมีจุดจำหน่ายแล้วใน 4 ประเทศ คือ เมียนมา มีจุดจำหน่าย 20 จุด ครอบคลุมในพื้นที่สำคัญๆ ทั้งที่ย่างกุ้ง เนย์ปิดอว์ มัณฑะเลย์  ส่วนกัมพูชา 1 จุดจำหน่าย โดยได้เปิดร้านค้าปลีกแบบ Free Standing Shop กลางกรุงพนมเปญ เวียดนาม 1 จุดจำหน่าย และมีแผนงานจะขยายช่องทางให้ครอบคลุมกลุ่มประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เป็นต้น โดยจะพิจารณาถึงรูปแบบการเข้าลงทุนที่เหมาะสม ทั้งการเข้าไปดำเนินการโดยตรงด้วยกลุ่มบริษัทเอง หรือในรูปแบบของการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ หรือการแต่งตั้งผู้จัดจำหน่าย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจและความเสี่ยงในการลงทุนในประเทศนั้น

“การออกไปต่างประเทศระยะแรกๆ ไม่ได้มุ่งหวังเรื่องของยอดขายเป็นอันดับ 1 แต่หวังให้แบรนด์แม็คยีนส์เป็นที่รู้จัก เป็นแบรนด์ติด 1 ใน 3 ที่จะต้องอยู่ในใจของดีลเลอร์หรือพันธมิตรที่เข้าไปร่วมด้วย เพราะหากไม่ได้ติด 1 ใน 3 ก็จะเป็นเรื่องที่ยากมากในการจะเจรจาหรือออกไป”

เมื่อแบรนด์เป็นที่รู้จัก เป็นที่นิยมการทำตลาด ก็จะสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้มากและกว้างขึ้น ถึงที่สุดแล้วการขาย ยอดขาย และรายได้ก็จะเกิดขึ้นตาม จึงอยากจะบอกว่าเพื่อนร่วมธุรกิจหรือบริษัทที่จะขยายการลงทุนไปต่างประเทศ จะต้องอดทนและจะต้องใช้เวลา ที่สำคัญจะต้องมีทุนที่หนาพอและอย่าท้อ เพราะเมื่อความสำเร็จเกิดโอกาสก็จะมีมาอีกมากมาย

สุณี บอกว่า การออกไปต่างประเทศจะร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น เพราะเข้าใจตลาดและพฤติกรรมผู้ใช้ได้ดีกว่า และที่สำคัญทางบริษัทจะเข้าไปร่วมในการแนะนำและการจัดการและบริหารสต๊อกเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างกัน เพราะถ้าหากพันธมิตรของเราประสบความสำเร็จในการนำแบรนด์ แม็คยีนส์ออกไปขาย ก็หมายถึงความสำเร็จของบริษัทในการออกไปต่างประเทศด้วย ซึ่งพันธมิตรที่เมียนมาของบริษัทนั้นถือว่าเป็นดีลเลอร์รายใหญ่ที่เขาเองก็หวังที่จะให้ตัวเองเป็นแบบเครือสหพัฒน์ในเมียนมา เพราะจะมีสินค้ามากมายให้ลูกค้าได้ใช้ ซึ่งเมียนมาถือว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสที่จะเติบโตอีกมาก เพราะนอกจากประชาชนจะเปลี่ยนจากการนุ่งโสร่งมาเป็นยีนส์ธรรมดาแล้ว การเข้าไปของบริษัทและกิจการต่างๆ ก็ทำให้ความต้องการใช้มากขึ้น

“การออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศคือเป้าหมายของการเติบโตของบริษัทในระยะกลางและยาว ซึ่งบริษัทก็คาดหวังและวางแผนไว้ว่า 3-5  ปีข้างหน้า รายได้จากต่างประเทศจะเข้ามามีสัดส่วนประมาณ 5% ของรายได้รวมที่บริษัทตั้งเป้าว่าแต่ละปีจะโต 20% ในช่วง 5 ปี โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาท จากปี 2559 รายได้รวมอยู่ที่ 4,400 ล้านบาท”

กลยุทธ์สร้างการเติบโตของรายได้จากการขายจากสินค้าหลัก พัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมที่เป็นที่ยอมรับผ่านจุดขายทั้งประเภทออฟไลน์และออนไลน์ ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า รักษาความเป็นแบรนด์ยีนส์ชั้นนำของประเทศ บริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างเหมาะสม บริหารต้นทุนการดำเนินงานและพื้นที่จุดขายให้มีประสิทธิภาพ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ตลอดจนผสมผสานข้อมูลและการดำเนินงานของช่องทางต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อก้าวสู่การเป็นเอเชียแบรนด์ พัฒนาโปรแกรมสำหรับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม (CLMV) ให้แข็งแกร่ง และมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องให้มีศักยภาพ มีความเข้าใจสามารถตอบสนองการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างรวดเร็ว รองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวอย่างยั่งยืน

การทำธุรกิจจะให้ครอบคลุมและสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ดังนั้นการทำงานของบริษัทก็จะต้องเร็วไปด้วยเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และหากเห็นโอกาสก็พร้อมที่จะเข้าไปลงทุน เช่น ล่าสุดได้ขยายการลงทุนโดยตั้งบริษัท อโรเมธิด แอ็คทีฟ เพื่อทำธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องหอมต่างๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจเข้ากับเทรนด์รักสุขภาพ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะสกัดมาจากธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมี ซึ่งจะจำหน่ายตามสาขาของแม็คที่ปัจจุบันมีกว่า 900 สาขา และจำหน่ายผ่านออนไลน์ และบริษัทได้ทดลองส่งไปจำหน่ายที่เมียนมาด้วย ซึ่งกระแสตอบรับดี

ปี 2559 ธุรกิจเติบโตทั้งรายได้และกำไร ซึ่งผลดำเนินงานที่ออกมาดี ทำให้ 1-2 สัปดาห์นี้มีกองทุนทั้งในและต่างประเทศเข้าพบและขอฟังข้อมูลของบริษัทเยอะมาก ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับการขยายไปทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หลังจากนี้แม็คยีนส์จะพุ่งทะยานเติบโตอย่างมั่นคง

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2