posttoday

Cleanweb

10 มีนาคม 2560

ดิฉันได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งคือ The Zero Marginal Cost Society : The Internet of Things, the Collaborative Commons, and the Eclipse of Capitalism เขียนโดย Jeremy Rifkin ที่พูดถึงเทรนด์ใหญ่ในอนาคตที่เทคโนโลยี “อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง” หรือ Internet of Things (IoT) จะเข้ามาปฏิวัติโลกครั้งใหญ่ โดยทำให้สินค้าและบริการต่างๆ แทบจะมีราคาเป็นศูนย์และผลิตได้ไม่จำกัดผ่านกระบวนการที่ต้นทุนการผลิตหน่วยสุดท้าย หรือ Marginal Cost เป็น 0 IoT ประกอบด้วยเทคโนโลยีสำคัญ 3 ส่วน คือ อินเทอร์เน็ตเพื่อการสื่อสาร อินเทอร์เน็ตสำหรับพลังงานและอินเทอร์เน็ตเพื่อโลจิสติกส์ ซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการเดียวกัน โดยส่วนที่ดิฉันคิดว่าน่าสนใจก็คือ เรื่องของ Cleanweb ที่เกี่ยวข้องกับ Energy Internet Cleanweb หรือ Cleanweb Movement เป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อสังคม ในการใช้เทคโนโลยีด้าน IT อินเทอร์เน็ตโซเชียลมีเดีย และเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเพื่อสร้างแพลตฟอร์มด้านพลังงานสะอาดที่จะปฏิวัติการใช้พลังงานและทรัพยากรของผู้คนในสังคมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ผู้คนเข้าถึงแหล่งพลังงานราคาถูกและลดรายจ่า

ดิฉันได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งคือ The Zero Marginal Cost Society : The Internet of Things, the Collaborative Commons, and the Eclipse of Capitalism เขียนโดย Jeremy Rifkin ที่พูดถึง
เทรนด์ใหญ่ในอนาคตที่เทคโนโลยี “อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง” หรือ Internet of Things (IoT) จะเข้ามาปฏิวัติโลกครั้งใหญ่ โดยทำให้สินค้าและบริการต่างๆ แทบจะมีราคาเป็นศูนย์และผลิตได้ไม่จำกัดผ่านกระบวนการที่ต้นทุนการผลิตหน่วยสุดท้าย หรือ Marginal Cost เป็น 0

IoT ประกอบด้วยเทคโนโลยีสำคัญ 3 ส่วน คือ อินเทอร์เน็ตเพื่อการสื่อสาร อินเทอร์เน็ตสำหรับพลังงานและอินเทอร์เน็ตเพื่อโลจิสติกส์ ซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการเดียวกัน โดยส่วนที่ดิฉันคิดว่าน่าสนใจก็คือ เรื่องของ Cleanweb ที่เกี่ยวข้องกับ Energy Internet

Cleanweb หรือ Cleanweb Movement เป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อสังคม ในการใช้เทคโนโลยีด้าน IT อินเทอร์เน็ตโซเชียลมีเดีย และเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเพื่อสร้างแพลตฟอร์มด้านพลังงานสะอาดที่จะปฏิวัติการใช้พลังงานและทรัพยากรของผู้คนในสังคมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ผู้คนเข้าถึงแหล่งพลังงานราคาถูกและลดรายจ่ายพลังงานได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างชุมชนขนาดใหญ่ที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในการหาและแชร์ข้อมูลด้านพลังงานและร่วมกันพัฒนา Solution ที่ดีที่สุดด้านพลังงานและการใช้ทรัพยากร

Cleanweb เริ่มก่อตัวในอเมริกาและหลายๆ ประเทศทั่วโลกในปี 2011 เป็นต้นมา ปัจจุบันเกิด Cleanweb กลุ่มต่างๆ มากมายที่สร้างแอพ หรือแพลตฟอร์มต่างๆ ขึ้นมา เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานและเทคโนโลยีพลังงานทดแทน Facebook ก็กระโดดเข้ามาร่วมวงในกลุ่ม Cleanweb ด้วย โดยปี 2012 ทาง Facebook ได้ออกแอพชื่อว่า “Social Energy App” โดยร่วมมือกับทางภาครัฐและเอกชนในสหรัฐ

แอพนี้จะนำข้อมูลบิลค่าไฟจากบ้านของผู้ใช้แต่ละคนมาเปรียบเทียบกันกับบ้านอื่นๆ ทั่วทั้งสหรัฐ โดยอาศัยพลังของ Social Media และพฤติกรรมที่ผู้คนมักแลกเปลี่ยนข้อมูล แชร์ มีส่วนร่วมกันมาสร้างสังคมของผู้ที่สนใจด้านการประหยัดพลังงานผลก็คือ แอพนี้เป็นพื้นที่ทางสังคมกระตุ้นให้คนแข่งกันประหยัดพลังงาน นอกจากนั้นผู้ใช้สามารถก่อตั้งกลุ่มกันเพื่อส่งเสริมเรื่องพลังงานสีเขียวและแบ่งปันข้อมูลและคำแนะนำด้านการใช้พลังงานให้กับผู้ใช้คนอื่นๆ ได้ด้วย

อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Mosaic ที่ใช้ประโยชน์จากการระดมทุนจากฝูงชน หรือ Crowdfunding ติดตั้งแผง Solar Cell บนหลังคา Mosaic สามารถระดมทุนในต้นทุนที่ถูกลงและถูกลงไปเรื่อยๆ โดยอาศัยพลังด้านโซเชียลมีเดีย ทำให้ได้แหล่งเงินทุนจากคนที่เข้ามาในเครือข่าย อีกทั้งยังอาศัยพลังเครือข่ายทางสังคมช่วยสกรีนหาลูกค้าที่มีศักยภาพและประเมินสภาพพื้นที่ที่จะเข้าไปติดตั้ง ทำให้การระดมทุนด้านพลังงานทดแทนถูกลงอย่างมาก และทำให้พลังงานทดแทนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วย

จะเห็นว่า Cleanweb ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อวงการพลังงานโลก ทั้งในฝั่งของผู้ให้บริการและผู้ใช้งานเอง สมัยก่อนพลังงานเป็นเรื่องของการวางแผนระยะยาวของรัฐ มีกฎระเบียบซับซ้อนมากมาย และต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมากจากเงินภาษีและเงินทุนจากภาคเอกชน

แต่การเข้ามาของ Internet, Social Media และสมาร์ทโฟน บวกกับเทคโนโลยีพลังงานทดแทนมีราคาถูกลงเรื่อยๆ ผลก็คือผู้บริโภครวมตัวกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ผ่านแอพหรือแพลตฟอร์มที่ Cleanweb พัฒนาขึ้น พฤติกรรมทางสังคมที่มีการแชร์ข้อมูลส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านพลังงานของผู้คนอย่างพร้อมเพรียง โดยมุ่งสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานขนานใหญ่ ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลมากมายและสามารถปรับเปลี่ยนและวางแผนการใช้พลังงานได้ด้วยตัวเองมากขึ้น

ด้วยพลังของ Cleanweb ที่อาศัยเครือข่ายสังคมและเทคโนโลยีพลังงานทดแทนที่ก้าวหน้า เราจะเห็นการเปลี่ยนผ่านที่กิจกรรมทางพลังงานจะถูกถ่ายโอนจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่และหน่วยงานกำกับดูแลมาสู่เครือข่ายขนาดใหญ่ของผู้บริโภคและนักธุรกิจเพื่อสังคมที่มีปฏิสัมพันธ์ผ่าน Social Media แบบ Real-Time และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ต้นทุนพลังงานและสิ่งต่างๆ แทบจะฟรีในอนาคตค่ะ

 

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ กังวลเงินทุนด้านเอไอกดดันหุ้นเทคโนโลยี