posttoday

ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก รุ่น 2 สู่เติบโตอย่างยั่งยืน

08 มีนาคม 2560

บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) เข้าสู่ยุคของการบริหารงานของทายาทรุ่นที่ 2 นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีมุมมองการบริหารงาน เน้นพัฒนาบุคลากร ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

โดย...ปิยนุช ผิวเหลือง

บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) เข้าสู่ยุคของการบริหารงานของทายาทรุ่นที่ 2 นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีมุมมองการบริหารงาน เน้นพัฒนาบุคลากร ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

อภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ เลขานุการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) ทายาทรุ่นที่ 2 ของบริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารไทย และต้องการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมพลาสติกเพื่อสนับสนุนธุรกิจดังกล่าว แต่ด้วยความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้น จึงได้พัฒนาเป็นโรงงานที่ผลิตถุงพลาสติกจำหน่ายในท้องตลาดและแยกบริษัทกับธุรกิจก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันได้ผลิตและจัดจำหน่าย ถุงร้อน ถุงหูหิ้ว ถุงพิมพ์ลาย ถุงแก้ว และฟิล์มถนอมอาหาร ซึ่งผลิตภัณฑ์ในสายการผลิตทั้งหมดเป็นสินค้าเกรดเอ ภายใต้แบรนด์ หมากรุก และ วาว (Vow) นอกจากนี้ ยังมีสินค้าผลิตป้อนกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย

สำหรับกลุ่มเป้าหมาย มีทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น ร้านอาหารใหญ่ๆ ที่มีสาขาจำนวนมาก โรงแรม และกลุ่มลูกค้ารายย่อย เช่น แม่ค้า หรือร้านค้าส่ง โดยมีสัดส่วนเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม 20% และกลุ่มลูกค้ารายย่อย 80% ดังนั้นกลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง มีการใช้จำนวนมาก ปัจจุบันโรงงานตั้งอยู่ที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี บนเนื้อที่ 11 ไร่ ด้วยกำลังการผลิต 500-800 ตัน/เดือน รวมสินค้าทุกชนิด ถือเป็นบริษัทขนาดกลางค่อนไปทางบริษัทขนาดใหญ่ ขณะที่ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นเล็กน้อย
 

“เราเน้นการเติบโตอย่างมั่นคง ไม่ได้เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด เห็นได้ว่ารายได้ในปี 2559 ไม่ต่างจากปี 2558 มากนัก สืบเนื่องจากต้องการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และต้องมีต้นทุนในการใช้จ่ายเยอะ เช่น ค่าปรึกษาทางด้านวิชาชีพ เป็นต้น” อภิรัตน์ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2560 คือการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และวางเป้ายอดการเติบโตเพิ่มขึ้น การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ในขั้นตอนการเตรียมเอกสารให้สมบูรณ์ และพร้อมยื่นไฟลิ่งในปีนี้ โดยหลังจากเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเป้าหมายระดมเงินทุนเพื่อเพิ่มช่องทางขยายการผลิต ซึ่งกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดนอกจากนี้ ต้องการทำการตลาด สนับสนุนตลาดฟิล์มถนอมอาหารมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด เมื่อบริษัทต้องการเติบโตต้องเติบโตอย่างมีทิศทาง ดังนั้นการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นการจัดระบบของธุรกิจให้มีการวางแผนและมีการควบคุมมากขึ้น อีกทั้งอำนาจกระจายไม่รวมแค่คนคนเดียวแบบธุรกิจครอบครัวทั่วไป

นอกเหนือจากนี้วางแผนบุกตลาดต่างประเทศในอนาคต อาจเริ่มต้นในพื้นที่อาเซียนและจีนก่อน โดยอยู่ในช่วงการศึกษาตลาด แต่มองว่าเป็นช่องทางที่สำคัญในอนาคต โดยใช้จุดแข็งของบริษัทที่ทำให้แข่งขันได้ในตลาดคือ คุณภาพของสินค้า และความซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ “เราจะสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างตรงไปตรงมาและไม่เอารัดเอาเปรียบ” ทายาทรุ่นที่ 2 กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

ผลบอล โยเคเรสซัดโทษ! อาร์เซน่อล1-0 เอฟเวอร์ตัน,ลิเวอร์พูล 2-1