เทคโนโลยีจะพาเรา ไปไกลแค่ไหนกัน
โดย...ชัชวาล สังคีตตระการ จากข่าวครึกโครมใหญ่โตในวงการวิทยาศาสตร์ว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ NASA ค้นพบระบบดาวเคราะห์อีกระบบหนึ่งถูกตั้งชื่อไว้ว่า TRAPPIST-1 มีดาวเคราะห์ 7 ดวง โคจรรอบดาวแม่ที่มีขนาดพอๆ กับดาวพฤหัสบดี ดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดมีขนาดใกล้เคียงโลกเรา ที่น่าสนใจมากที่สุด คือ 3 ใน 7 ดวงนั้น มีสภาวะที่เอื้อต่อการเกิดสิ่งมีชีวิตTRAPPIST-1 อยู่ห่างจากระบบสุริยะของเราเพียง 40 ปีแสง ซึ่งหมายความว่า แสงที่วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 1,000 ล้านกิโลเมตร/ชั่วโมง จะใช้เวลา 40 ปีจึงจะไปถึงที่นั่น อีกนัยหนึ่งก็คือแสงจากที่นู่นเดินทางมาถึงโลกเราก็ใช้เวลา 40 ปีเช่นกัน ภาพที่เราเห็น ณ วันนี้ ก็คือภาพอดีตของ TRAPPIST-1 เมื่อ 40 ปีก่อน หรือกรณีดวงอาทิตย์ของเรา ก็อยู่ห่างจากโลก 8 นาทีแสง ดวงอาทิตย์ที่คนบนโลกนี้เห็น จึงเป็นอดีตของดวงอาทิตย์เมื่อ 8 นาทีก่อน ดังนั้น พูดได้ว่า ทุกคืนที่เราแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าและดวงดาวสิ่งที่เราเห็นจึงเป็นอดีตแทบทั้งสิ้นหลายทศวรรษที่ผ่านมา มนุษยชาติทุ่มเททั้งกำลังสติปัญญาและงบประมาณมหาศาล เพื่อมุ่งหน้าเข้าไปศึกษาอดีตเพื่อทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด หลายเรื่องอาจต้องใช้เ
โดย...ชัชวาล สังคีตตระการ
จากข่าวครึกโครมใหญ่โตในวงการวิทยาศาสตร์ว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ NASA ค้นพบระบบดาวเคราะห์อีกระบบหนึ่งถูกตั้งชื่อไว้ว่า TRAPPIST-1 มีดาวเคราะห์ 7 ดวง โคจรรอบดาวแม่ที่มีขนาดพอๆ กับดาวพฤหัสบดี ดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดมีขนาดใกล้เคียงโลกเรา ที่น่าสนใจมากที่สุด คือ 3 ใน 7 ดวงนั้น มีสภาวะที่เอื้อต่อการเกิดสิ่งมีชีวิต
TRAPPIST-1 อยู่ห่างจากระบบสุริยะของเราเพียง 40 ปีแสง ซึ่งหมายความว่า แสงที่วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 1,000 ล้านกิโลเมตร/ชั่วโมง จะใช้เวลา 40 ปีจึงจะไปถึงที่นั่น อีกนัยหนึ่งก็คือแสงจากที่นู่นเดินทางมาถึงโลกเราก็ใช้เวลา 40 ปีเช่นกัน ภาพที่เราเห็น ณ วันนี้ ก็คือภาพอดีตของ TRAPPIST-1 เมื่อ 40 ปีก่อน หรือกรณีดวงอาทิตย์ของเรา ก็อยู่ห่างจากโลก 8 นาทีแสง ดวงอาทิตย์ที่คนบนโลกนี้เห็น จึงเป็นอดีตของดวงอาทิตย์เมื่อ 8 นาทีก่อน ดังนั้น พูดได้ว่า ทุกคืนที่เราแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าและดวงดาวสิ่งที่เราเห็นจึงเป็นอดีตแทบทั้งสิ้น
หลายทศวรรษที่ผ่านมา มนุษยชาติทุ่มเททั้งกำลังสติปัญญาและงบประมาณมหาศาล เพื่อมุ่งหน้าเข้าไปศึกษาอดีตเพื่อทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด หลายเรื่องอาจต้องใช้เวลานับร้อยปีเพื่อรอผลการพิสูจน์ แต่มนุษย์เราก็ไม่ได้ย่อท้อต่อการศึกษาเหล่านี้ แต่ละก้าวที่เรามุ่งหน้าไปคือการปลดล็อกองค์ความรู้ที่เชื่อมโยงกันไม่สิ้นสุด และยิ่งตอกย้ำให้เรารู้ว่าเราเป็นเพียงจุดเล็กๆ มากของจักรวาลที่กว้างใหญ่นี้
ผมยังไม่รู้ว่าในช่วงชีวิตของผมจะได้อยู่เห็นมนุษยชาติปลดล็อกอะไรได้อีกมากมายแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่เราปลดมันออกได้ทีละเปลาะ ก็รู้สึกเหมือนเราสามารถจะพุ่งไปสู่อนาคตได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า องค์ความรู้เหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งเร้นลับ เป็นเพียงความเป็นไปที่เรายังไม่เข้าใจ เทคโนโลยีและศาสตร์วิชาต่างๆ กำลังนำพาพวกเราให้ก้าวข้ามขอบเขตความรู้เดิมออกไปเรื่อยๆ
แต่หากมนุษยชาติยังกระหายใคร่รู้และมุ่งหน้าพัฒนาด้านต่างๆ สักวันเราคงไปเดินเล่นที่วงแหวนดาวเสาร์ในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือพาครอบครัวไปพักร้อนที่ TRAPPIST-1 ครับ


