posttoday

PTTGC จัดโครงสร้าง ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0

27 กุมภาพันธ์ 2560

เป็นก้าวที่ต้องจับตากับการเปลี่ยนแปลงของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)

โดย...พูลศรี เจริญ

เป็นก้าวที่ต้องจับตากับการเปลี่ยนแปลงของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2560 กรณีที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติซื้อหุ้นบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจสายโพรพิลีน สายเคมีภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับ PTTGC จากบริษัท ปตท. (PTT) เพราะจะทำให้การดำเนินธุรกิจของ PTTGC คล่องตัว ลดขั้นตอนการดำเนินงานและสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งช่วยเสริมศักยภาพให้ PTTGC ในฐานะแกนนำธุรกิจปิโตรเคมีของ ปตท.สามารถต่อยอดธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ

“การลงทุนครั้งนี้ทำให้ลดระยะเวลาการเข้าสู่ธุรกิจใหม่และลดความเสี่ยงด้านการลงทุน รวมถึงด้านเทคโนโลยีการผลิต เนื่องจากเป็นการเข้าถือหุ้นในบริษัทที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว และยังได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นที่เป็นพันธมิตรอีกด้วย” สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือซีอีโอ PTTGC กล่าว

ที่สำคัญ คือ การซื้อหุ้นครั้งนี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญของ PTTGC ที่จะก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อมุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยบริษัทสามารถต่อยอดการดำเนินธุรกิจไปสู่ Performance Chemical ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ในอนาคตตามเป้าหมายในการเข้าสู่อุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างที่เป็นแนวโน้มของโลกยุคใหม่

การซื้อหุ้นในบริษัทต่างๆ จากบริษัท ปตท. มีมูลค่ารวม 2.63 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย

1.บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอร์ส (HMC) ซื้อหุ้นในสัดส่วน 41.44% ประกอบธุรกิจปลายน้ำสายโพรพิลีน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี อาทิ เม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีน (PP) เป็นต้น

2.บริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล(PTTAC) ซื้อหุ้นในสัดส่วน 50% ประกอบธุรกิจ

ปิโตรเคมี อาทิ อะคริโลไนไตรล์ เมทิล

เมตะคริเลต เป็นต้น

3.บริษัท พีทีที เอ็มซีซี ไบโอเคม ซื้อหุ้นในสัดส่วน 50% ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพชนิดโพลิบิวทิลีน ซัคซิเนต

4.บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ส มาร์เก็ตติ้ง (PTTPM) ซื้อหุ้นเพิ่มอีก 50% รวมถือ 100% ประกอบธุรกิจด้านการตลาด การขายผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ของกลุ่ม ปตท.

5.บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ โลจิสติกส์ (PTTPL) ซื้อหุ้นเพิ่ม 50% รวมถือ 100% ประกอบธุรกิจบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ การบริหารคลังสินค้า และการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี

6.บริษัท พีทีที เมนเทนแนนซ์ แอนด์

เอนจิเนียริง (PTTME) ซื้อเพิ่ม 40% รวมถือ 100% ประกอบธุรกิจวางแผน ส่งเสริม ออกแบบ ก่อสร้าง บำรุงรักษา งานวิศวกรรมของโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท

สุพัฒนพงษ์ ย้ำว่า การปรับโครงสร้างการถือหุ้นข้างต้นเป็นการสร้างความชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในสายโซ่การผลิต เพิ่มการต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่มีมูลค่าสูง เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันระยะยาว

“การปรับโครงสร้างครั้งนี้ ปตท. เชื่อมั่นว่า PTTGC จะสามารถสร้างความเข้มแข็ง และเติบโตไปได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน และก้าวไปสู่การเป็นธงนำด้านปิโตรเคมีของ ปตท.ต่อไป”

ซีอีโอ PTTGC กล่าวว่า นอกจากนี้จะเดินหน้าต่อยอดขยายงานในพื้นที่มาบตาพุดตามโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ (Map Ta Phut Retrofit) อีกราว 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันการผลิตโรงงานที่มาบตาพุด เพื่อที่จะก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อมุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามเป้าหมายในการเข้าสู่อุตสาหกรรมต่างๆ อีกทั้งมีการก่อสร้างโรงงานแนฟทาแครกเกอร์ขนาดกำลังการผลิตเอทิลีนที่ 5 แสนตัน/ปี และโพรพิลีน 2.61 แสนตัน/ปี

นอกจากนี้ มีการลงนามในข้อตกลงเบื้องต้น (HOA) กับบริษัท คุราเร่ บริษัทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษชั้นนำของโลกและบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น บริษัทการค้าระหว่างประเทศสัญชาติญี่ปุ่นที่มีเครือข่ายทั่วโลก เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทางการเงินและการออกแบบทางวิศวกรรมของโครงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2561 และจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2563

ขณะเดียวกัน PTTGC จะลงทุนโครงการลงทุนกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายน้ำ (C2-C8 Chain) ประกอบด้วย

1.โครงการ PO/Polyol เป็นการลงทุนโพลียูรีเทนครบวงจร โดยขยายธุรกิจขั้นปลายน้ำสู่กลุ่มอุตสาหกรรม Polyurethane ที่มีมูลค่าสูง และตลาดมีความต้องการเพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องนอน ก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562

2.โครงการ C4 Specialty เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์ Butadiene ของบริษัทเพื่อเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมรถยนต์ ก่อสร้าง เครื่องมือแพทย์และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค โรงงานแห่งใหม่นี้จะตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด มาบตาพุด จ.ระยอง

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2