posttoday

โอ๊ค-เอม ฟ้องสรรพากร ให้เพิกถอนประเมินภาษีหมื่นล้าน

11 ธันวาคม 2552

ที่ศาลภาษีอากรกลาง ถ.รัชดาภิเษก นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนางกาญจนาภา หงษ์เหิน มอบอำนาจให้นายเมธา ธรรมวิหาร ทนายความ ยื่นฟ้องกรมสรรพกร ,นายสุทธิชัย สังขมณี ,นายศิริศักดิ์ พันธ์พยัคฆ์ และนายณัฎฐภพ อนันตรสุชาติ ซึ่งเป็นคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินภาษีของกรมสรรพกร เป็นจำเลยที่ 1-4 ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประเมินภาษีของนายพานทองแท้ จำนวน 5,677,136,572 บาท และ น.ส.พิณทองทา จำนวน 5,676,860,088 บาท โดยแยกฟ้องเป็นสองสำนวน

ที่ศาลภาษีอากรกลาง ถ.รัชดาภิเษก นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนางกาญจนาภา หงษ์เหิน มอบอำนาจให้นายเมธา ธรรมวิหาร ทนายความ ยื่นฟ้องกรมสรรพกร ,นายสุทธิชัย สังขมณี ,นายศิริศักดิ์ พันธ์พยัคฆ์ และนายณัฎฐภพ อนันตรสุชาติ ซึ่งเป็นคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินภาษีของกรมสรรพกร เป็นจำเลยที่ 1-4 ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประเมินภาษีของนายพานทองแท้ จำนวน 5,677,136,572 บาท และ น.ส.พิณทองทา จำนวน 5,676,860,088 บาท โดยแยกฟ้องเป็นสองสำนวน

คำฟ้องในส่วนของนายพานทองแท้ สรุปว่า โจทก์ไม่เห็นพ้องกับคำวินิจฉัยการประเมินภาษีการขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น ให้กับแอมเพิล ริช อินเวสเมนต์ โดยเห็นว่าเป็นการการดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ทั้งที่การเก็บภาษีควรเก็บตามความเป็นจริงหน่วยงานของรัฐ ไม่ควรต้องตกเป็นเครื่องมือของบุคคลกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มาจาการล้มล้างรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นการประเมินภาษี จึงไม่ชอบตาม ประมวลรัษฎากร ขัดต่อระเบียบกรมสรรพากร และแนวทางปฏิบัติตามหนังสือตอบข้อหารือกรณีไม่เป็นธรรม การประเมินไม่มีความโปร่งใส จึงขออุทธรณ์การประเมินภาษีของเจ้าพนักงานการประเมิน และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ฯทุกประเด็น และขอให้ศาลมีคำสั่งปลดภาษี และเพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงาน และขอเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ฯพร้อมขอลดเบี้ยปรับ ศาลรับฟ้องไว้เป็นคดีเลขดำที่ 266/2552

ขณะที่ คำฟ้องในส่วนของ น.ส.พิณทองทา มีเนื้อหาสอดคล้องกันกับนายพานทองแท้ พี่ชายโดยขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำวินิจฉัยในทุกประเด็นและขอให้ปลดภาษี ลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มจำนวน 5,676,860,088.79 บาท ซึ่งศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีที่ 267/2552