ท้วงยืดสัญญา "เอ็นซีซี" เช่าที่ศูนย์สิริกิติ์ผิดกฎหมาย

ยกคำพิพากษาศาลฎีกา ค้านกรมธนารักษ์ขยายสัญญาศูนย์ประชุมสิริกิติ์ให้เอ็นซีซี

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า โดยยกคำพิพากษาฎีกาที่ 14493/2557 มาเทียบเคียงการเยียวยาให้บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ (เอ็นซีซี) ได้รับสิทธิเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ใหม่และขยายอายุสัญญาเช่าเป็นเวลา 50 ปี เป็นการทำผิดกฎหมาย

เนื่องจาก 1.การที่บริษัทก่อสร้างโรงแรมไม่ได้เพราะติดผังเมือง กทม.ไม่มีเหตุที่ต้องเยียวยา ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 14493/2557 2.การที่บริษัทไม่ได้บริหารโรงแรม กรมธนารักษ์ก็ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าในส่วนนี้ หากได้รับไว้ก็ต้องคืนให้แก่บริษัท

3.การรื้อศูนย์ประชุมเดิมแล้วก่อสร้างใหม่คือ การลงทุนใหม่ จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายร่วมทุนโดยออกประกาศเชิญชวนเอกชนทั่วไป การอนุมัติให้บริษัทเป็นผู้ลงทุนและขยายอายุสัญญาโดยอ้างเป็นการเยียวยา จึงเป็นการเอื้อแก่บริษัทเอกชนหลีกเลี่ยงกฎหมายร่วมทุนและกฎหมายการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม

สำหรับคำพิพากษาฎีกาที่ 14493/2557 ซึ่งนายวัฒนาได้นำมาเทียบเคียง ระบุว่า บริษัทหัวหินพัฒนาที่ดินโจทก์เช่าที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารตึกแถว โดยจะได้ผลประโยชน์จากการจำหน่ายสิทธิการเช่าให้บุคคลทั่วไป ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในอาคารและค่าเช่าตามที่ตกลงกัน จึงเป็น “สัญญาต่างตอบแทน”

หลังจากทำสัญญาเช่าและส่งมอบพื้นที่แล้ว ในปี 2540 ทางราชการประกาศใช้ผังเมืองรวม มีผลให้ปลูกสร้างอาคารไม่ได้ถือว่าโจทก์และจำเลยต่างไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสัญญาเช่าได้ “การชำระหนี้จึงตกเป็นอันพ้นวิสัย เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่ง ซึ่งจำเลยไม่ต้องรับผิด โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในส่วนผิดสัญญา

สัญญาเช่าที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างมีหนี้ที่ต้องชำระแก่กัน เมื่อการชำระหนี้เป็นอันพ้นวิสัย เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมิได้ ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 372 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญา สัญญาจึงเลิกกัน คู่สัญญาย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิม และตามมาตรา 391 วรรคหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องชำระหนี้ตอบแทนกันอีก”

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษากลไกปราบปรามทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่า กรณีมีปัญหาเรื่องผังเมืองเท่ากับว่าต่างฝ่ายต่างไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ ตามหลักกฎหมายต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมคือ ต้องเปิดประมูลใหม่

ด้าน นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ต้องดูรายละเอียดคำพิพากษาฎีกาที่ 14493/2557 ว่ามีสัญญาผูกมัดเหมือนกรมธนารักษ์ทำกับเอ็นซีซีหรือไม่ เพราะเมื่อลงนามในสัญญาทั้งสองฝ่ายแล้วจะยกเลิกไม่ได้ คลังจึงมีคำสั่งให้เจรจาเงื่อนไขกับ เอ็นซีซี หลังจากแก้ไขผังเมือง เมื่อเอ็นซีซีก่อสร้างโรงแรมไม่ได้ กฤษฎีกาก็ให้คลังเดินหน้าโครงการ

“แต่มาติดปัญหา พ.ร.บ.ร่วม ทุนฉบับปี 2556 ว่าเป็นโครงการเก่าหรือโครงการใหม่ ก่อนจะเสนอครม.ให้กรมทำสัญญาก็ได้หารือกฤษฎีกาและอัยการสูงสุดแล้ว” นายจักรกฤศฏิ์ กล่าว