posttoday

‘จิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล’ มือบัญชีเถ้าแก่น้อย

04 กุมภาพันธ์ 2560

“จิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) อายุ 55 ปี จากที่มีความใฝ่ฝันจะเรียนฟู้ดไซน์เพราะชอบเรื่องอาหารแต่ไม่เก่งวิทยาศาสตร์ จึงเลือกเรียนคณะบัญชี สาขาต้นทุน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จากเฉยๆ กลายเป็นชอบไป และมองว่าเรียนด้านนี้มีความต้องการของตลาดเพราะสมัยนั้นจะมีโรงงานเข้ามาในไทยมากขึ้น

“จิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) อายุ 55 ปี จากที่มีความใฝ่ฝันจะเรียนฟู้ดไซน์เพราะชอบเรื่องอาหารแต่ไม่เก่งวิทยาศาสตร์ จึงเลือกเรียนคณะบัญชี สาขาต้นทุน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จากเฉยๆ กลายเป็นชอบไป และมองว่าเรียนด้านนี้มีความต้องการของตลาดเพราะสมัยนั้นจะมีโรงงานเข้ามาในไทยมากขึ้น

พอจบปริญญาตรีก็เลือกทำงานเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยต่อทันที เพราะจะได้เรียนปริญญาโท ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปด้วย และเลือกเรียนสาขาเดิมคือต้นทุน เพราะมองว่าเป็นโลจิกที่สมเหตุผลรู้ว่าสิ่งๆ หนึ่งจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง มีต้นทุนอยู่ในนั้นเท่าไร

จนเพื่อนที่เรียนปริญญาโทแนะนำให้ไปสมัครทำงานที่ บริษัท เนสท์เล่ (ประเทศไทย) และได้มาทำบริษัทด้านอาหาร เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานบัญชีดู ได้เรียนรู้งานที่เป็นโปรเจกต์ การนำเข้าเครื่องจักรและดูแลซัพพลายเออร์ จนถึงการดูแลลูกค้า เพราะตอนนั้นบริษัทกำลังจะมาเปิดโรงงานใหม่ที่นวนคร ทำได้ 2-3 ปี ย้ายไปทำบริษัท ทีโอเอ ที่ได้เรียนรู้สิทธิสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เรื่องการสต๊อกวัตถุดิบ

จากนั้นเป็นจุดเริ่มต้นย้ายไปอยู่กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ตอนนั้นไทยเริ่มมีการผลิตแผงวงจรควบคุมไฟฟ้า (ไอซี) ที่สำคัญได้เรียนรู้ระบบการทำบัญชีแบบอีอาร์พี จากนั้นย้ายไปบริษัทเดียวกัน แต่เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ ชื่อ GSS Array ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องการปิดบัญชีและการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งหัวหน้าที่เป็นอเมริกันสอนหลักไว้และจำได้แม่นจนถึงตอนนี้คือ

“การปิดบัญชีถ้าข้อมูลคุณถูกต้อง 100% แต่ช้าไอไม่เอา แต่ถ้าข้อมูลถูก 70-80% และปิดทันเวลาถือว่าโอเค เพราะเขามองว่าการทำธุรกิจข้อมูลคือสิ่งสำคัญ จนเป็นหลักการทำงานผมถึงปัจจุบันอย่างหนึ่งคือ ต้องทำให้ปิดบัญชีทันต่อการรายงาน ทันต่อสถานการณ์ เพราะจะมีผู้เกี่ยวข้องกับการรายงานบัญชีจำนวนมาก”

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเรียนรู้การทำงานที่ต้องประสานกับทางตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และที่จำได้แม่นยำคือ การนำบริษัทออกจากการเป็น บจ. เพราะถูกเทกโอเวอร์ ทำให้เรียนรู้การตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น เจรจากับธนาคาร ดูแลเรื่องกฎหมาย คัดเลือกพนักงานบริษัทออก อยู่กับบริษัทนี้ 7 ปี และถึง 3 เจ้าของบริษัท เพราะมีการเทกโอเวอร์ไปมา แต่อย่างหนึ่งเห็นว่าตลาดหุ้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เพราะช่วงหนึ่งมีการแจกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ให้พนักงาน ทำให้รู้ว่ามีเครื่องมือการเงินที่เข้ามาช่วยบริหารการเงินส่วนบุคคลได้ด้วย

เขาได้กลับเข้าสู่วงการอาหารอีกครั้ง จากการเป็นผู้บริหารฝ่ายบัญชีที่บริษัท สุรพลฟู้ดส์ ได้เรียนรู้การทำงบการเงินรวมเพราะมีบริษัทย่อยจำนวนมาก และรับผิดชอบงานหลายฝ่าย ตั้งแต่ บัญชีการเงิน ฝ่ายบุคคล ไอที และโลจิสติกส์เพราะทุกอย่างมันคือต้นทุนหรืองานแบ็กออฟฟิศซึ่งเป็นหัวใจหลักของบริษัท

จนกระทั่งได้มาอยู่ที่ TKN เพราะลูกน้องเก่าชวนมาและเริ่มต้นทำงานตั้งแต่ พ.ค. 2559 ที่ผ่านมา สิ่งที่เราบอกกับผู้บริหารบริษัทคือ ไม่ว่าผมจะทำงานที่ไหนมาเป็นคนตั้งใจและทุ่มเท ภารกิจแรกคือการทำให้ TKN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผมก็เหมือนวาทยกรหรือคอนดักเตอร์ คุมคนเล่นดนตรีว่าใครจะเล่นบทไหน อะไรไม่ดีก็ปรับเปลี่ยน ซึ่งทางผู้บริหารก็ให้โอกาสและความไว้ใจในการดำเนินงาน

“ตอนนี้เมื่อวงดนตรีดำเนินการได้ดี ผมวาทยกรก็ต้องไปหาเพลงหรือแต่งเพลงอื่นๆ มาให้นักดนตรีได้ฝึกซ้อมและเล่นต่อไป โดยมีเป้าหมายไปในทางเดียวกัน คือทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืน และเดินไปสู่เป้าหมายการเป็นโกลบอลแบรนด์ที่จะนึกถึงขนมขบเคี้ยว (สแน็ก) ทั่วโลกต้องนึกถึงเถ้าแก่น้อย ปัจจุบันส่งออก 40 ประเทศทั่วโลก”

สำหรับหลักการทำงานที่สำคัญของผู้ชายคนนี้คือ ยึดหลักเป็นพี่เป็นน้องในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการคุยเล่นหรือคุยจริง เพราะเชื่อว่าอย่างหนึ่งจะทำให้เขาเปิดใจ ทำให้เขากล้าที่จะบอกปัญหา และจะเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น

ส่วนเวลาว่างผู้บริหารคนนี้ คือ ชอบอ่านหนังสือจีนกำลังภายใน และทำสวน ซึ่งส่วนใหญ่ภรรยาเป็นคนปลูกต้นไม้ ส่วนผมพร้อมที่จะทำหน้าที่กวาดใบไม้

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568