GGC เรือธงธุรกิจ เพื่อสิ่งแวดล้อมของ ปตท.
โดย...ประลองยุทธ ผงงอย/ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
โดย...ประลองยุทธ ผงงอย/ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC เป็นบริษัทลูกของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) อยู่ในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) และเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
ทั้งนี้ GGC จะขายหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 411.11 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท มูลค่าตามราคาบัญชี (Book Value) ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2559 หุ้นละ 11.6 บาท
“จิรวัฒน์ นุริตานนท์” กรรมการผู้จัดการ GGC ให้สัมภาษณ์ว่า น่าจะขายหุ้นไอพีโอได้ภายในปี 2560 ซึ่งเงินที่ได้จะนำมาใช้ใน 2 โครงการหลัก ได้แก่ 1.โครงการเมทิลเอสเทอร์แห่งที่ 2 ที่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี เพื่อเพิ่มกำลังผลิตของโรงงานหลักที่ อ.มาบตาพุด จ.ระยอง ปัจจุบันมีประมาณ 3 แสนตัน/ปี เพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมให้มีการใช้น้ำมันไบโอดีเซลมากขึ้น ตามแผนจะใช้เงินลงทุนในปี 2560-2562 และ 2.โครงการไบโอคอมเพล็กซ์ แผนจะใช้เงินลงทุนในปี 2560-2563 และส่วนที่เหลือจะใช้ในกิจการอื่นๆ
“จุดแข็งของบริษัทส่วนหนึ่งคือการเป็นบริษัทในเครือกลุ่ม ปตท. ส่งผลให้ใช้ประโยชน์ของระบบงานและเครือข่ายของกลุ่ม ปตท.ที่มีได้ค่อนข้างมาก ทำให้การบริหารงานหรือทำงานมีประสิทธิภาพค่อนข้างดีในธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทได้รับนโยบายจาก PTTGC ให้ GGC เป็นเรือธงในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Flagship Company) ของกลุ่ม”
บริษัทแกนนำของธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีของกลุ่ม ปตท. ซึ่งมุ่งจะเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมในระดับโลก อนาคต PTTGC มีนโยบายจะรวมธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่ง แวดล้อมในกลุ่ม PTTGC เข้ามาอยู่ที่ GGC รวมถึงพิจารณาการขยายกิจการหรือการลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมในฐานะที่บริษัทแกนนำของธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดำเนินการขยายกิจการหรือการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวในอนาคต
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่บริษัททำอยู่ ถือว่าเป็นธุรกิจวัฏจักรขาขึ้นภายใน GGC ธุรกิจ 3 เสาสนับสนุนให้เติบโต ได้แก่ เสาที่ 1 เชื้อเพลิงชีวภาพ ปัจจุบันบริษัทถือเป็นผู้นำในธุรกิจไบโอดีเซล ในอนาคตมีแผนขยายไปยังธุรกิจไบโอเอทานอลด้วย เสาที่ 2 ธุรกิจโอลิโอเคมี เพราะบริษัทเป็นผู้ผลิตแฟตตี้แอลกอฮอล์เพียงรายเดียวในประเทศ ซึ่งนำเมล็ดในปาล์มมาผลิตแปรรูปเป็นสินค้ามูลค่าเพิ่ม นำไปใช้เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตเครื่องสำอางสารลดแรงตึงผิว และเภสัชภัณฑ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังผลิตกลีเซอรีนบริสุทธิ์ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ใช้ในเครื่องสำอางและเภสัชภัณฑ์ มีแผนศึกษาจะทำผลิตภัณฑ์โอลิโอเคมีชนิดพิเศษ เพื่อต่อยอดจากธุรกิจนำแฟตตี้แอลกอฮอล์มาเป็นวัตถุดิบต่อยอดเป็นส่วนผสมทำสารชะล้างในการผลิตผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ครีมอาบน้ำ ที่เป็นมิตรกับร่างกายมนุษย์ เพื่อทดแทนการนำเข้าและเพิ่มมูลค่าสินค้าการเกษตร เสาที่ 3 คือ PTTGC มีนโยบายลงทุนพัฒนาโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาลใน จ.นครสวรรค์ อยู่ระหว่างการศึกษาตัวเลขมูลค่าการลงทุน จะเห็นแผนความชัดเจนในปีนี้ อีกทั้งต้องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการ
ทั้งนี้ โครงการไบโอคอมเพล็กซ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาลสามารถแปรรูปไปเป็นไบโอพลาสติกได้ จะทำธุรกิจผลิตไบโอพลาสติก มีต้นทุนที่แข่งขันได้กับพลาสติกปกติ GGC มีความจำเป็นต้องลงทุนโครงการไบโอคอมเพล็กซ์แบบครบวงจร ส่งผลให้ต้นทุนต่ำออกไปแข่งขันในตลาดโลกได้ ธุรกิจทั้ง 3 เสายังสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล “ไบโออีโคโนมี ไทยแลนด์ 4.0” โดยเฉพาะอ้อยที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะไทยเป็นผู้ปลูกอ้อยอันดับ 2 ของโลก
ทั้งนี้ GGC ถือผู้ผลิตเมทิลเอสเทอร์รายใหญ่ที่สุด และเป็นผู้ผลิตแฟตตี้แอลกอฮอล์เพียงรายเดียวในประเทศ โดยในปี 2558 ผลิตเมทิลเอสเทอร์สัดส่วน 24.9% ของทั้งหมดที่ผลิตได้ในประเทศ ซึ่งเมทิลเอสเทอร์ หรือ “บี100” จะนำไปใช้ผสมในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพื่อการค้าปลีกในประเทศ
สำหรับรายได้ของบริษัทในปี 2556 อยู่ที่ 13,837.5 ล้านบาท ในปี 2557 อยู่ที่ 15,714.7 ล้านบาท ในปี 2558 อยู่ที่ 14,542.2 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2558 มีรายได้ 6,936.2 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปี 2559 มีรายได้ 9,178.9 ล้านบาท


