มิตซูฯดัมพ์ราคาแอร์

กระตุ้นยอดรอบบัญชีปี'59 ขยายฐานลูกค้าอินเวอร์เตอร์โต

มิตซูบิชิประกาศลดราคาแอร์อินเวอร์เตอร์สู้คู่แข่ง พร้อมลุยกิจกรรมการตลาดกระตุ้นยอดขาย

นายยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจเครื่องปรับอากาศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของรอบบัญชีปี 2559 ที่จะปิดในเดือน มี.ค. 2560 นี้ บริษัทจะปรับราคาเครื่องปรับอากาศในกลุ่มอินเวอร์เตอร์ลดลง เพื่อให้ระดับราคาเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ใกล้เคียงกับกับรุ่นปกติจาก 30-40% ลดลงเหลือ 10-20% โดยในกลุ่มของเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยจะปรับราคาลดลง 5-10% ขณะที่กลุ่มเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์จะปรับราคาลดลง 15-20%

สำหรับราคาสินค้าที่จะทำการปรับลดลงในครั้งนี้ บริษัทจะเน้นไปที่เครื่องปรับอากาศกลุ่มอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่เป็นหลัก ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวสินค้าใหม่ 4 กลุ่มเข้าทำตลาด ประกอบด้วย กลุ่มเครื่องปรับอากาศรุ่น 3D Move-eye Human Sensor และรุ่น Econo Air กลุ่มตู้เย็นระบบ Neuro Inverter กลุ่มพัดลมนวัตกรรมใหม่ 3D Smart Flow และกลุ่มปั๊มน้ำที่จะเพิ่มขนาดสินค้าเป็น 500 วัตต์เข้าทำตลาด

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะใช้งบ 100 ล้านบาท ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำโปรโมชั่น ขายสินค้าราคาพิเศษ การทำแคมเปญผ่อน 0% และการให้ลูกค้าร่วมลุ้นโชคชิงของรางวัลต่างๆ รวมไปถึงการลุ้นแพ็กเกจท่องเที่ยวเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากปิดรอบบัญชีปี 2559 ในสิ้นเดือน มี.ค.นี้ คาดว่าจะมีรายได้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.59 หมื่นล้านบาทในรอบบัญชีปี 2560

“ตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากอัตราการถือครองของครัวเรือนไทยยังอยู่ในระดับต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-27% เท่านั้น โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัดถือว่าต่ำมาก และเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้ากลุ่มอินเวอร์เตอร์ได้ง่ายขึ้น บริษัทจึงปรับลดราคาสินค้าดังกล่าว” นายโมริยามะ   กล่าว

นายอนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา กล่าวว่า ในด้านของงบการตลาดที่จะใช้งบปี 2560 นี้ บริษัทได้เตรียมไว้ประมาณ 1,050 ล้านบาท เพื่อใช้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ซึ่งกลุ่มสินค้าที่บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดมากขึ้นในปี 2560 นี้ คือ กลุ่มเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ เนื่องจากในปีที่ผ่านมามียอดขายเติบโตสูงถึง 15%

ขณะที่กลุ่มเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยมีอัตราการเติบโตเพียง 4% โดยหลังจากหันมาทำการตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์มากขึ้นคาดว่าในอีก 1-2 ปีนับจากนี้ ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์จาก 20% เพิ่มเป็น 30% ได้อย่างแน่นอน 

ทั้งนี้ แผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าวถือเป็นการกระตุ้นยอดขายตามนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทแม่ที่ต้องการให้ประเทศไทยมียอดขายอยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านบาทในปี 2563