ลอฟท์ลุยอี-คอมเมิร์ซ สกัดจุดอ่อนสาขาน้อย
โดย...วันเพ็ญ พุทธานนท์
โดย...วันเพ็ญ พุทธานนท์
หลังจากเปิดให้บริการลูกค้าไทยมาเป็นปีที่ 20 ในปีนี้ ร้านลอฟท์ แฟรนไชส์ร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์จากญี่ปุ่น ก็ได้ฤกษ์ประกาศบุกช่องทางอี-คอมเมิร์ซอย่างจริงจังนับแต่ปี 2560 เป็นต้นไป พร้อมทั้งวางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากช่องทางอี-คอมเมิร์ซให้เพิ่มขึ้นเป็น 30-50% จากรายได้รวมในอนาคต
กฤษดา รินทรานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม สเปเชียลลิตี้ ผู้บริหารร้านลอฟท์ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ลอฟท์ทดลองเปิดให้บริการผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซหรือการซื้อขายผ่านเว็บไซต์ของบริษัทประมาณ 6 เดือน โดยปัจจุบันมีแพลตฟอร์มที่มีลูกค้าสามารถช็อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย ทั้งการสั่งซื้อ การชำระเงินทั้งทางธนาคารและผ่านเพย์สบาย
“อี-คอมเมิร์ซเป็นโมเดลที่เราตั้งใจจะทำ เพราะอี-คอมเมิร์ซเป็นไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบันที่เริ่มนิยมซื้อของผ่านมือถือกันมากขึ้น เราก็มีแพลตฟอร์มพร้อมอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเว็บไซต์ ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ที่สามารถรุกช่องทางอี-คอมเมิร์ซได้อยู่แล้ว ซึ่งเราจะทำอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ”
นอกจากนี้ ในอนาคตเราจะปรับวิธีการรับชำระจ่ายเงินเกาะกระแสเทรนด์นิยมปัจจุบัน เช่น ไลน์เพย์ และถ้ามีช่องทางใหม่ๆ ก็จะขยายไปยังทุกช่องทาง ด้วยระบบหลังบ้านที่บริษัทดำเนินการเอง โดยผ่านเพย์เม้นท์เกตเวย์ของเพย์สบาย
ผลการเริ่มทดลองทำอี-คอมเมิร์ซมาประมาณ 6 เดือน พบว่า ยอดขายช่วงเริ่มต้นแม้จะยังน้อย แต่สิ่งที่ดีคือยอดขายที่เห็นพัฒนาการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นกราฟที่เงยหัวขึ้นตลอดเวลา และเชื่อว่าปีหน้าหลังจากทำตลาดอย่างจริงจังและเต็มรูปแบบ จะทำให้ยอดขายเติบโตมากขึ้นหรือไม่ต่ำกว่า 100% เมื่อเทียบจากปี 2558 ซึ่งในปี 2560 คาดว่ายอดขายจากช่องทางอี-คอมเมิร์ซจะมีสัดส่วน 3-5% จากรายได้โดยรวม และในอนาคตตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 30-50%
การขยายช่องทางออนไลน์ของลอฟท์ครั้งนี้ นอกจากจะเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในยุคโมบายเฟิร์สแล้ว ยังเป็นการดำเนินงานเพื่อสกัดจุดอ่อนของลอฟท์เอง ที่ปัจจุบันยังมีจำนวนสาขาน้อย หรือเพียง 4 สาขา แม้จะมีแผนขยายสาขาอย่างน้อยปีละ 1 สาขาอย่างต่อเนื่องก็ตาม เนื่องจากสาขาที่มีจำนวนน้อยและอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าต่างจังหวัดได้
ขณะเดียวกัน หลังจากการทดลองขายผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซที่ผ่านมา ยังพบโอกาสสำคัญคือ กลุ่มที่เป็นลูกค้าต่างจังหวัด มีสัดส่วนยอดขายมากกว่า 50% จากยอดขายอี-คอมเมิร์ซทั้งหมด ทำให้เห็นได้ว่า ลอฟท์ยังมีโอกาสรุกในช่องทางอี-คอมเมิร์ซได้อีกมาก และการที่ได้ลูกค้าต่างจังหวัดเข้ามาซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ ทำให้มีฐานข้อมูลลูกค้าต่างจังหวัดเพื่อมองหาลู่ทางขยายสาขาต่างจังหวัดในอนาคตได้อีกด้วย
“เป็นไปตามแผนระยะกลาง 3-5 ปี เพราะมองว่าในกรุงเทพฯ สาขาเรายังมีช่องทางอีกมาก มีทำเลที่ดีที่สามารไปได้อีก และมีแพลนชัดเจน ขณะเดียวกันในทางขนานเราก็จะเก็บข้อมูลลูกค้าต่างจังหวัด ศึกษาทำเล เราเข้าใจว่า ในตลาดต่างจังหวัดประชากรเริ่มออกไปอยู่ต่างจังหวัดมากขึ้น หัวเมืองมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ประชากรมีกำลังซื้อดีขึ้น”
ขณะที่แผนงานโดยรวมในระยะ 3-5 ปีจากนี้ จะเดินหน้าลงทุนขยายสาขาเพิ่มทุกปีอย่างน้อยปีละไม่ต่ำกว่า 14 สาขา โดยวางเป้าหมายจะมีสาขาไม่ต่ำกว่า 8-10 สาขา ในอีก 3-5 ปี ควบคู่กับการรุกช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางอี-คอมเมิร์ซและเอ็ม-คอมเมิร์ซ หรือการซื้อขายผ่านโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงการเพิ่มยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
กฤษดา กล่าวต่อว่า ฐานลูกค้าสมาชิกของลอฟท์ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการต่อยอดธุรกิจทั้งในแง่การทำตลาดและการเพิ่มยอดขาย รวมไปถึงการขยายช่องทางการตลาดใหม่ๆ โดยปัจจุบันลอฟท์มีฐานลูกค้าสมาชิกประมาณ 7 หมื่นคน ซึ่งถือว่าไม่น้อยสำหรับจำนวนสาขาที่มีเพียง 4 สาขาในปัจจุบัน และวางเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 1 แสนราย ในปี 2560
ฐานข้อมูลสมาชิกจะทำให้ลอฟท์มีฐานข้อมูลลูกค้า ทำให้ทราบพฤติกรรมของลูกค้าและสามารถนำมาพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อทำการตลาดให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้
สำหรับประเทศไทย ร้านลอฟท์ ได้เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2540 ที่ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ ในคอนเซ็ปต์ Beyond Ordinary Store ด้วยสินค้าที่แปลกใหม่ สามารถถ่ายทอดอารมณ์และจินตนาการได้ด้วยตัวเอง เฉียบขาดด้วยไอเดียสุดล้ำ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบทุกความต้องการ
ปัจจุบันร้านลอฟท์ สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้ปรับโฉมใหม่พร้อมกับสยามดิสคัฟเวอรี่ จนกลายเป็น “Loft” ไลฟ์สไตล์ช็อปล้ำสมัยชื่อดังจากญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปท์ Loft Life Fun Life โดยสินค้าร้านลอฟท์ แบ่งเป็น 5 หมวดสินค้า ได้แก่ Stationary, IT Acces-sories, Health&Beauty, Variety และ Home&Decor
พร้อมกันนี้ ยังจัดดิสเพลย์นำเสนอสินค้าแบบเข้าถึงง่าย มีตัวอย่างสินค้าให้ทดลองใช้ พร้อมมีกิจกรรมสาธิตการใช้สินค้า และกิจกรรมเวิร์กช็อปอย่างต่อเนื่อง การคัดเลือกสินค้าที่มีความแปลกใหม่ ไม่เคยมีการนำเสนอมาก่อนในประเทศไทย เป็นกลยุทธ์ที่ลอฟท์ใช้เป็นคีย์ซัสเซสที่ทำให้ร้านลอฟท์มีเสน่ห์ดึงดูดลูกค้าอยู่เสมอ
ปัจจุบันร้านลอฟท์มีสาขาในประเทศไทยจำนวน 4 สาขา ได้แก่ สยามดิสคัฟเวอรี่, พาราไดซ์ พาร์ค, สเปลล์ ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต, และ เมกา บางนา และในปี 2560 จะเปิดเพิ่มที่ไอคอนสยามช่วงปลายปี
“ทุกวันนี้ลอฟท์แข่งขันกับตัวเอง เพราะเราเป็นร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนและไม่มีแข่งขันโดยตรง ดังนั้นเราต้องพัฒนาสินค้าและบริการอยู่เสมอโดยเฉพาะการนำเสนออินโนเวชั่นใหม่ๆ ภายใต้ความร่วมมือจากลอฟท์ประเทศญี่ปุ่น”
ร้านลอฟท์ ได้ถือกำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2530 โดยเปิดให้บริการครั้งแรกที่ย่านช็อปปิ้งชื่อดัง "ชิบุย่า" ใจกลางมหานครโตเกียว โดยเน้นแนวคิดของร้านสเปเชียลลิตี้สโตร์ ที่เสนอสินค้าหลากหลายสำหรับชีวิตประจำวัน สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้อย่างครบถ้วน และยังเน้นประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ตื่นเต้นให้ทั้งความสนุกสนานเพลิดเพลินกับการเลือกชมสินค้าที่แปลกใหม่ และมีดีไซน์ไม่ซ้ำใคร ซึ่งประสบความสำเร็จสูงสุดในประเทศญี่ปุ่นตลอดมาจนถึงปัจจุบันในปี 2540 บริษัท สยามพิวรรธน์ ได้ซื้อแฟรนไชส์ร้านลอฟท์จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้ามาเปิดดำเนินการในประเทศไทย จนถึงปัจจุบันเปิดบริการครบ 20 ปีในปี 2560 พร้อมทั้งวางตำแหน่งทางการตลาดชัดเจนในการเป็นร้านค้าปลีกประเภทสเปเชียลลิตี้สโตร์ไลฟ์ไตล์


