‘อัศวิน’ จัดทัพวัฒนธรรมองค์กร เชื่อม ‘บิ๊กซีฯ-บีเจซี’ เป็นหนึ่งเดียว
โดย...จะเรียม สำรวจ
โดย...จะเรียม สำรวจ
หลังจากบิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ตเข้ามาอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (บีเจซี) รูปแบบการบริหารภายในก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรของบีเจซีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการเชื่อมต่อธุรกิจภายในองค์กร เพื่อให้ธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น
อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (บีเจซี) กล่าวว่า หน้าที่ของห้างบิ๊กซีฯ ตลอดระยะเวลากว่า 23 ปีที่ทำธุรกิจในประเทศไทย คือ การเป็นเครือข่ายในการกระจายสินค้าเข้าไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งหลังจากบริษัทได้เข้ามาบริหารงานของห้างบิ๊กซีฯ บริษัทจะนำความแตกต่างของทั้งสองธุรกิจ คือ บิ๊กซีฯ และบีเจซี มาเชื่อมต่อกัน เพื่อให้ธุรกิจมีความครบวงจรและมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของบีเจซีจะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำ คือการเป็นผู้ผลิตและกระจายสินค้าไปยังบิ๊กซีฯ เพื่อจัดจำหน่ายต่อไปยังผู้บริโภค เนื่องจากบีเจซีเป็นผู้ผลิตสินค้าทั้งในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์ยา
นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่กระจายสินค้าไปยังร้านค้าปลีกต่างๆ และหนึ่งในนั้น คือ ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ขณะที่ห้างบิ๊กซีฯ จะดำเนินธุรกิจในด้านของกลางน้ำและปลายน้ำ เป็นตัวกลางในการส่งต่อสินค้าไปยังผู้บริโภค
อัศวิน กล่าวต่อไปว่า ห้างบิ๊กซีฯ ถือเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ เพราะมีลูกค้าหลักที่เข้ามาใช้บริการเป็นประจำหลาย 10 ล้านคน ซึ่งในส่วนของบีเจซีอยากทำธุรกิจค้าปลีกมาพักใหญ่แล้ว เพื่อเติมเต็มให้กับธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำที่บีเจซีทำอยูในขณะนี้ โดยช่วงก่อนที่จะได้ห้างบิ๊กซีฯ เข้ามาบริหาร ก็ได้มีการสร้างธุรกิจค้าปลีก-ส่งขึ้นมาภายใต้ชื่อ เอ็มเอ็ม เมก้ามาร์เก็ต จำนวน 2 สาขา ที่ จ.หนองคาย และ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อเจาะลูกค้าภายในประเทศและลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้าน
ก่อนหน้าที่บีเจซีจะเปิดตัวห้างเอ็มเอ็ม เมก้ามาร์เก็ต และได้ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เข้ามาบริหาร เคยให้ความสนใจธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต ด้วยการเข้าร่วมประมูลห้างคาร์ฟูร์ร่วมกับคู่แข่งหลายราย แต่ก็แพ้ทางกลุ่มกาสิโน เจ้าของห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งชนะการประมูลไปในขณะนั้น แต่เมื่อโอกาสหวนกลับมาอีกครั้ง กลุ่มกาสิโนประสบปัญหากับการดำเนินธุรกิจ และในที่สุดโอกาสก็เป็นของกลุ่มบีเจซีได้เป็นเจ้าของธุรกิจไฮเปอร์มาร์ตสมใจ หลังจากชนะการประมูลห้างบิ๊กซี
ซูเปอร์เซ็นเตอร์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
อัศวิน กล่าวว่า ธุรกิจของบีเจซีเป็นธุรกิจการค้าผ่านช่องทางจำหน่ายแบบดั้งเดิม ขณะที่ธุรกิจของห้างบิ๊กซีฯ เป็นธุรกิจการค้ารุ่นใหม่ เมื่อบีเจซีได้ห้างบิ๊กซีฯ เข้ามาบริหารจึงถือเป็นความท้าทาย สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าเรามีความเป็นธรรม ด้วยการรับสินค้าจากทุกค่ายเข้ามาขาย และเน้นสินค้าไปที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าเราจะไม่ขายแค่สบู่นกแก้ว หรือขายแค่ทิชชู่เซลล็อกซ์ หรือทิชชู่ซิลค์เท่านั้น พร้อมกันนี้ ยังต้องทำการสื่อสารกับพนักงาน ว่าเราจะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
นอกจากจะให้ความสำคัญกับสินค้าที่นำมาจำหน่ายต้องมีความเป็นธรรมแล้ว ในด้านของบริการ อัศวิน ก็ให้ความสำคัญ ด้วยการพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น เช่น การสวัสดีลูกค้า และให้ความช่วยเหลือลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าสร้างวัฒนธรรมองค์กรระหว่างห้างบิ๊กซีฯ และบีเจซีให้ไปในทิศทางเดียวกัน และเพื่อให้ทั้งสององค์กรปรับตัวเข้าหากัน ควบคู่ไปกับให้ทราบถึงพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในห้างบิ๊กซีฯ เนื่องจากพื้นฐานการทำธุรกิจบีเจซี จะเน้นการนำสินค้ามาขายในห้างค้าปลีก อัศวิน จึงได้มีการนัดประชุมใหญ่ทุกสัปดาห์
อัศวิน กล่าวว่า ปี 2559 ถือเป็นปีที่ดีของบริษัทอีก 1 ปี แต่ก็ยอมรับว่าเป็นปีที่หนัก เพราะทุกคนต้องทำงานหนักมากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนมีความสุขในการทำงาน เราจึงพยายามทำให้ทุกคนทำงานด้วยความสนุก ซึ่งถ้าเราเชื่อว่าทุกอย่างดี ภาพหลายๆ อย่างก็น่าจะดีขึ้น
หลังจากปรับระบบการทำงานภายในเริ่มเข้าที่เข้าทาง อัศวินก็เริ่มวางแผนที่จะพาห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาคอาเซียน ด้วยการเริ่มศึกษาตลาดในกลุ่มประเทศคาบสมุทรอินโดจีน เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมีแนวพรมแดนติดกับประเทศไทย ทำให้การขนส่งสินค้าทำได้ง่าย โดยตอนนี้ได้สิทธิในการนำแบรนด์ห้างบิ๊กซีฯ เข้าไปเปิดให้บริการแล้วในประเทศ สปป.ลาวและกัมพูชา ซึ่งในส่วนของกัมพูชาจะเข้าไปทำธุรกิจโดยผ่านพันธมิตรท้องถิ่น
สำหรับเวียดนาม ตอนนี้ยังคงทำธุรกิจศูนย์การค้าปลีก-ส่ง ภายใต้แบรนด์เอ็มเอ็ม เมก้ามาร์เก็ต ไปก่อน เนื่องจากแบรนด์บิ๊กซียังติดลิขสิทธิ์ของคู่แข่ง แต่ถ้าหากคู่แข่งมีการเปลี่ยนแบรนด์บิ๊กซีเป็นแบรนด์อื่น อัศวินก็อาจจะขอใช้ลิขสิทธิ์แบรนด์บิ๊กซีทำตลาดในประเทศเวียดนามด้วย


